Wednesday, April 18, 2012

Lembeh Strait...มหัศจรรย์แห่ง Muck Dive(3)

มุ่งหน้าสู่เมือง Bitung


จากสนามบินมานาโด(Manado) เราต้องนั่งรถไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง กว่าจะถึงเมือง Bitung ครับ ผมนั่งด้านหน้า ข้างๆพี่คนขับชาวอินโดนีเซีย ส่วน พี่ยากับพี่ตุลย์ นั่งด้านหลัง

ถามอะไร แกก็ทำท่างงๆ เหมือนกับว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้อย่างงั้นแหละ ก็ไม่เป็นไร นั่งไปเรื่อยๆก่อน สำหรับถนนหนทาง ก็เหมือนตามชนบทของบ้านเรา เป็นถนนเล็กๆ มีแค่ 2 เลน เท่านั้น (ให้รถวิ่งทางไปและทางกลับ) เวลาขับก็ต้องระมัดระวังให้ดีๆ ว่ามีรถสวนมาด้านหน้าหรือไม่


บีบแตรหาเรื่อง?


นั่งคุยกับพี่ยาและพี่ตุลย์ 2 สาวนี่ ดำน้ำกันบ่อยครับ ไปมาหลายที่แล้ว ทั้ง Malapascua , Maldives , Bali , Palau(Micronesia) เป็นต้น พี่ยา บอกว่า ชอบดำน้ำที่อินโดนีเซียมาก มีความรู้สึกว่า คนท้องถิ่นของที่นี่ อัธยาศัยดี ยิ้มง่าย และแน่นอนว่าก็ไปกับเพื่อนซี้อย่างพี่ตุลย์ค่อนข้างบ่อย

ระหว่างทางเราจะเห็นคนขับ บีบแตรรถยนต์เสียงดังหลายครั้งเพื่อให้รถด้านหน้าหลีกทาง บ่อยมาก เหมือนว่าไปโกรธใครมา ผมสังเกตว่า คนโดนบีบก็ไม่ได้หันมามองแบบอาฆาตแค้นหรือทำท่าทางจะมีเรื่องแต่อย่างใด ถ้าเป็นประเทศเราอย่างน้อยๆก็ต้องมีมองหน้ากันบ้าง ล่ะ จึงนึกสงสัยว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ได้ความว่า อาจจะเป็นกฎหมายในประเทศของเขาครับ ที่มีกฎ ระเบียบให้ทำแบบนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ เอง และคนอื่นๆด้วย

คนขับแวะซื้อของริมทางครับ เราเลยถือโอกาสลงไปด้วย เพิงขายของเล็กๆ ของชาวบ้านท้องถิ่นชาวอินโดนีเซีย มีผลไม้ มีน้ำ มีขนม ไว้บริการ ผมช่วยพี่ยากับพี่ตุลย์ ถือน้ำด้วย สบตากับสาวท้องถิ่นเล็กน้อย เธอคงสงสัยว่าผมเป็นชาวอินโดนีเซียหรือเปล่าละมั้ง เพราะผิวคล้ำเหลือเกิน 555 แต่ก็ได้เห็น รอยยิ้มของชาวท้องถิ่น แม้จะสื่อสารกันไม่ได้ก็เถอะ

ปรับเวลาก่อน ผมจะใช้เวลาของเมือง จาการ์ตา(เท่ากับเมืองไทย) ที่ตั้งไว้อยู่แล้วไม่ได้ เพราะประเทศอินโดนีเซียเวลาในแต่ละเมืองนั้นไม่เท่ากัน อย่างตอนนี้ ก็ต้องตั้งให้เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมงนะ

รถยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ สังเกตว่ามีรถวิ่งในถนนค่อนข้างน้อย อาจจะเป็นทางลัดละมั้ง กลางคืนคงจะเปลี่ยวและเงียบน่าดูล่ะ ว่าแต่เมื่อไรจะถึงเนี่ย ช่างดูยาวนานซะเหลือเกิน


ถึงเมือง Bitung และ หลงทาง!


เมืองนี้ ดูได้บรรยากาศชนบทๆดีครับ มีบ้านเล็กๆ มีร้านขายของชำ มีร้านขายโทรศัพท์มือถือ ส่วนห้างสรรพสินค้า เท่าที่เห็นก็ไม่น่าจะมีนะครับ

ว่าแล้วเชียว มันน่าจะถึงแล้วไม่ใช่เหรอเนี่ย ก็นี่ไงป้ายเมือง Bitung พี่คนขับชาวอินโดนีเซีย เหมือนจะเคยขับมาส่งเป็นครั้งแรก ทำท่างงๆ เราก็บอกว่า Resort ของเรา ชื่อ Bastianos นะ

วนไปวนมา ไม่ใช่ล่ะ! พี่ยาลองต่อโทรศัพท์ให้เขาคุยกับเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ท คุยกันภาษาท้องถิ่น ผมฟังรู้เรื่องแต่ Bastianos Bastianos แต่พอเขาคุยจบก็น่าจะไปในทางที่ดีขึ้นนะ

สรุปก็ยังไม่รู้ อยู่ดีครับ 555 ยังต้องถามทางคนแถวนั้น แล้วดูคนแถวนั้นก็ไม่รู้จักซะด้วย สำหรับรีสอร์ทนี้ว่าอยู่ที่ไหน เอาละซิ แล้วทำไงต่อดี



พี่คนขับพามายังจุดที่คล้ายๆท่าเรือ ดับเครื่อง แล้วลงไปถามทางก่อน แล้วก็เว้าภาษาท้องถิ่น ฟังออกแต่ Bastianos Bastianos เหมือนเดิม แต่ดูทรงแล้วก็น่าจะใช่นะ เพราะจะไป Bastianos มันน่าจะต้องนั่งเรือข้ามไป คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็เหมือนนักท่องเที่ยว เหมือนนักดำน้ำอยู่ ก็หลายคน



ท่าเรือ เมือง Bitung – จะเป็นลม!


ฟ้ามืด(เฉพาะผมคนเดียว) มึนๆหัวมากครับ ไม่ใช่ฝนจะตก แต่เป็นอาการที่ทานข้าวได้น้อยเนื่องมาจากท้องเสีย อ่อนเพลียจากเดินทาง พักผ่อนไม่เพียงพอ หนาวเพราะกำลังเป็นไข้ จะว่าไปผมไม่ค่อยป่วยหรอก นานๆครั้งเลย แต่ก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์นี่นะ

นั่งพักก่อน ค่อยยังชั่ว จุดนี้เป็นท่าเรือ ก็เลยมีปลาสดๆ ตกอยู่ตามพื้น ให้เห็น ถ่ายรูปให้พี่ตุลย์กับพี่ยา ซะหน่อย ทำนองว่า แย่แล้ว เรากำลังหลงทาง Lost in Indonesia 555



ซักพักรถของ Bastianos Resort and Diving Center ก็มาถึง เป็นรถที่กลุ่มมนุษย์กบไทยนั่งกันมาครับ อ้าวพึ่งมาถึงเหรอเนี่ย

“เขาแวะในตลาด ให้ซื้อของน่ะ มาถึงนานแล้วเหรอ” พี่แดงถาม

“หลงซิครับพี่” โชคดีว่า รถของพวกพี่มาพอดี แสดงว่ามาถูกทางแล้ว 555

พี่คนขับก็ยิ้มใหญ่ แบบว่า ไม่หลงแล้วเว้ย เอากระเป๋าลงมา ยืนรอเพื่อจะขึ้นเรือ ข้ามฝั่งครับ



ทรายสีดำ ที่ซ่อนรูป?


ระหว่างรอพนักงานของรีสอร์ทขนกระเป๋าขึ้นเรือ ผมมองลงไปในน้ำ ช่างแปลกตาจริงๆเพราะทรายสีดำครับ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เหมือนมีขยะด้วยแหละ แล้วพรุ่งนี้จะมีอะไรให้ดูละเนี่ย 555(ในขณะนี้ ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไร แม้จริงๆก็รู้ว่ามันมีดีแหละ มีมากด้วย)

ในทรายสีดำนั้น น้ำใสมาก ใสจนเห็น ปลา ลักษณะเหมือนปลาปากขลุ่ย อยู่หลายตัว Lembeh มันต้องมีดีอย่างแน่นอน ไม่งั้นนักดำน้ำก็จะไม่มากัน แล้วการเดินทางที่ทรหด หลายต่อ ทั้งๆที่เป็นประเทศในแถบอาเซียนเท่านั้น แต่ใช้ระยะเวลาเดินทางนาน กว่าจะถึงจุดหมาย ในส่วนลึกๆ ผมก็มีความเชื่อครับและมั่นใจว่ามันคุ้มค่าที่เดินทางมาแน่ๆ



ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงที่พักแล้วครับ ด้านหน้า คือ Bastianos Diving Resort แห่งช่องแคบ Lembeh ลักษณะมีหลังคาสีเขียว บ้านพักแต่ละหลัง ปลูกบนเขาขึ้นไปก็มี นี่ก็ใกล้พลบค่ำแล้ว ช่างเป็นการเดินทางมาดำน้ำที่แสนยาวนานของผมอีกทริปเลยล่ะ



Welcome to Bastianos Diving Resort!


มีน้ำส้มคอยบริการ Diver ทุกคน แต่ผมสละสิทธิครับ ท้องไม่ดีอยู่ อย่าพึ่งดีกว่า ดื่มน้ำเปล่าแทนก่อนก็แล้วกัน



พนักงานสาวของ Bastianos Brief ให้ฟังเป็นภาษาอังกฤษ ฟังทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แต่ก็พูดเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกของรีสอร์ทแห่งนี้ ตลอดจน กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ นอกจากนี้ เธอก็ยังแจกเข็มกลัดของรีสอร์ทให้กับเราทุกคนด้วย สำหรับติดตามกระเป๋าหรืออุปกรณ์ละมั้ง

ผมกรอกแบบฟอร์มสำหรับนักดำน้ำ เกี่ยวกับข้อมูลที่ว่า ดำมามาทั้งหมดกี่ครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อไร ตลอดจนเงื่อนไขต่างๆ ที่นักดำน้ำต้องกรอกทุกๆครั้ง เวลามาดำน้ำยังต่างประเทศ

พี่ยา พี่ตุลย์ และพี่ๆอีกหลายคน เริ่มไปจัดอุปกรณ์ดำน้ำลงตระกร้าแล้ว ทั้ง BCD , Regulator และ Fin เป็นต้น ส่วนผมก็จัดบ้างดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องยุ่งมากนัก (จริงๆ อยากกินยาแล้วนอนเลยครับ แต่เห็นพี่ๆกำลังยุ่งอยู่ เกรงใจน่ะ ก็ใช้เวลาตอนนี้ให้เกิดประโยชน์)

แต่ละคนส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์กันมาเอง ครบเซ็ทกันทั้งนั้น จะมีเพียงผมที่เป็นส่วนน้อย มีแค่หน้ากากกับตีนกบ จึงสอบถามราคาเช่าอุปกรณ์ที่เหลือกับพนักงาน และไปลอง Wet Suit ที่ Dive Shop


My Name is Dodi


คนที่หยิบ Wet Suit ให้ผมลอง ชื่อ Dodi ครับ(ไม่ใช่ฝรั่งนะ ผิวคล้ำๆ เป็นคนอินโดนีเซีย) ผมลองสวมดูแล้ว ค่อนข้างแน่น รู้สึกอึดอัด เลยขอขนาดใหญ่ขึ้นอีก 1 ไซด์ คราวนี้ค่อยสบายขึ้นเยอะ(ตอนแรกว่าจะสวมแค่ Rush Guard เหมือนทริปสิปาดัน แต่ Dodi บอกว่า น้ำที่นี่เย็น ให้ใส่เถอะ ถามใครก็บอกว่าให้เช่าทั้งนั้นเลย เอาก็เอา อย่างกเลยน่า 555)

ลองชุดเรียบร้อย Dodi บอกว่า พรุ่งนี้เจอกัน เหมือนว่า เขาจะเป็น Leader ของผมด้วยนะ



ชาโค และไทลีนอล ก่อนจะสลบเหมือด!


ครูตุ๋ม จัดยาให้ผมครับ บอกว่า ถ้าจะเอาก็มาหยิบตรงนี้ได้เลย พี่ตากับพี่หมอพี บอกว่า เดี๋ยวตื่นมาน่าจะดีขึ้น ผมทานยาและขอตัวขึ้นนอน โดยมีพนักงานของ Bastianos พาไปที่ห้อง ซึ่งอยู่บริเวณชั้นสอง

ที่ห้อง เป็นห้องที่ดูเรียบง่าย อยู่สบาย มีเตียงเดี่ยว 2 เตียง และห้องน้ำ 1 ห้อง แม้จะเป็นเพียงห้องพัดลมก็ตาม

รู้สึกว่าหัวหนักมากครับ ผมไม่มีแรงจะยืนแล้ว จึงล้มตัวนอนและห่มผ้า หลับไปอย่างง่ายดาย


เบจิต้า ฟื้นพลัง!


หากใครเคยดูการ์ตูนยอดนิยมอย่าง ดราก้อนบอล แซด เมื่อได้กินถั่วเซ็นสึ แล้ว พลังจะฟื้นคืนกลับมา เป็นอารมณ์แบบนั้นเลยครับ หลังจากผมทานยาและได้พักผ่อน หลับไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง ตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าดีขึ้นมาก กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมอีกครั้ง

จะว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา หรือการพักผ่อนก็ตาม แต่ลึกๆ ผมเชื่อว่า คุณแม่คงไม่ปล่อยให้ผมป่วยนานแน่ๆ เดินทางมาไกลขนาดนี้ คงอยากให้ผมอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ก่อนดำน้ำ



Dinner หิวมาก !


“นึกว่า จะไม่ออกมากินข้าว ดีขึ้นยัง?” พี่ยา กับพี่ตุลย์ ถาม

“ดีขึ้นแล้วครับพี่ ได้นอนกับทานยาเลยดีขึ้นเยอะเลย”

อาหารเป็นแบบ Buffet ให้ตักครับ มี3- 4 อย่างๆ ผมทานได้มาก อาจเพราะความหิว แต่ก็ลืมไปเหมือนกันว่า ควรจะเริ่มทานของอ่อนๆ ก่อน เดี๋ยวลำไส้จะทำงานหนักเกินไป

ยังไงก็ไม่ทันแล้วครับ พี่ตุลย์เช็คข่าวน้ำท่วมทาง Internet ทำไมของผมต่อ Wifi ไม่ได้ ทั้งๆที่สัญญานก็ถูกต้อง รหัสผ่านก็ถูกต้อง หรือเป็นเพราะมือถือรุ่นเก่าละเนี่ย

อุตส่าห์ Wifi ฟรีแล้วแท้ๆ 555

มีฝรั่งมานั่งคุยด้วย ไปๆมาๆ เลยทราบว่า เขาเป็นเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ ชื่อ Dirk เป็นชาวเยอรมัน ครับ จับใจความได้ว่า มาแนะนำตัว และขอให้ดำน้ำอย่างมีความสุข ขาดเหลืออะไรก็ขอให้บอก


ทานอาหารเสร็จ ผมลองเดินออกไปถาม Dirk ที่กำลังคุมคนงานทำสวนอยู่ Dirk พยายามกดๆโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ได้ครับ เลยบอกว่าให้ลองไปเล่นตรง Front ด้านล่าง เพราะตรงนั้นไม่ต้องใช้ Password ต่อแล้วก็เล่นได้ทันที

ผมลองลงไปเล่นที่ Front ก็ใช้ได้ดี ไชโย! ก็ยังดีที่มีเล่นนะ ส่งข่าวบอกทางบ้านหน่อย

เดินขึ้นมาที่ห้องอาหารอีกครั้ง พี่ยากับพี่ตุลย์ ก็ยังนั่งอยู่อีกซักพัก พอพวกเธอไป ผมก็ไปบ้างดีกว่า วันนี้ควรรีบพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้สดชื่น อย่าชะล่าใจไป ว่าหายดีแล้ว

ไม่งั้นคงหมดสนุกแน่ๆครับ

0 Comments:

Post a Comment

<< Home