Monday, April 02, 2012

Lembeh Strait...มหัศจรรย์แห่ง Muck Dive(2)

Diarrhea!!!


มีความรู้สึกว่าท้องเสียครับ มาเป็นอะไรตอนเดินทางเนี่ย ว่าแล้วก็จัดไป 1 รอบ

ยังไม่จบ ปวดท้องเหลือเกิน ไปห้องน้ำอีก รอบที่ 2 เจอพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำ(ขณะนี้ ตีสาม เช้ามืดของวันที่ 21 ต.ค 2555) ถามอะไรไม่รู้ล่ะ พูดเร็วเหลือเกิน ยังยิ้มสู้ ไว้ก่อน

กลับมา พยายามนอนให้หลับ ต้องนอนราบซิ อาการท้องเสียอาจจะดีขึ้น(เอามาจากไหน เนี่ย) ลองเปลี่ยนไปนอนบนเก้าอี้บ้าง ก็หลับได้ชั่วระยะเวลานึง ...........

ห้องน้ำครับ ต้องไปเดี๋ยวนี้เลย ท้องไส้ยังคงปั่นป่วน (รอบที่ 3) ได้ยินเสียงลำไส้เคลื่อนตัวตลอดเวลา รู้สึกเริ่มเพลียๆ น้ำหมดตัวหรือยังเนี่ย ต้องเป็นข้าวผัดกุ้งที่กินตอนเช้าของเมื่อวานแน่ๆ จำได้ว่ากุ้งไม่สดนี่หว่า

กลับมารอบนี้ เริ่มมึนๆหัว ได้หลับไปอีกนิดหน่อย 6 โมงเช้า เอาอีกซักรอบ(รอบที่ 4) อาการปวดท้องก็ยังคงไม่ดีขึ้นครับ ยังปวดอยู่(เริ่มกุมท้อง) ไม่ไหวแล้ว ผมต้องไปหาซื้อยาที่ร้านขายยา ในสนามบินชางฮี ก็คงต้องมีแหละ


21 ต.ค 2555


ร้านอยู่ไหนละเนี่ย ไหนลองถามเจ้าหน้าที่สนามบินดูหน่อย เขาชี้ไปทางนั้น เอ้า เดิน ทำไมรู้สึกว่า สนามบินมันกว้างและร้านขายยาดูไกลจัง

เจอแล้วครับ ร้านขายยา ชื่อ “Guardian” ว่าแต่ผมจะอธิบายให้เภสัชกร ที่ไม่ใช่คนไทย ฟังยังไงล่ะ คำว่า Diarrhea ก็จำได้อยู่ แล้วยาล่ะ แบบไหนถึงจะดีที่สุด นึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้เมืองไทย ประมาณตี 5 โทรหาพี่ชายคนโตที่เป็นหมอดีกว่า ใช้มือถือ เติมเงินแบบ One-2-Call ครับ เติมเงินไว้ตอนมา เผื่อฉุกเฉิน

“เฮ้ย พี่เก่ง ท้องเสียว่ะ จะซื้อยาตัวไหนดี ปวดท้องมาก ถ่ายไปหลายรอบแล้ว”

“ Buscopan นะ กับ Norfloxacin นะ บอกเขา แล้วไปหาพวกน้ำหวานๆ เช่น สไปร์ทกิน”

อุ่นใจหน่อยครับ แม้จะอยู่คนเดียว ไม่มีคนไทยเลย แต่ได้ชื่อยามาล่ะ



Norfloxacin ไม่มี!


บอกเภสัชกรสาว ชาวสิงคโปร์ ว่า ผมท้องเสีย ขอซื้อยาหน่อย เธอบอกว่ามีแค่ Buscopan ครับ แล้วถามคุณหมอสั่งมาใช่ไหม ผมบอกว่าพี่ชายผมเป็นหมอครับ มาซื้อตามที่หมอสั่งนั่นแหละ

จ่ายเงิน เอ้า กี่บาทละเนี่ย เอาเงินดอลลาร์ของแม่ ไปจ่ายก่อนครับ กลัวเขาจะไม่รับเงินอีก 2 สกุลที่ผมแลกมาด้วย(Singapore Dollar ไม่ได้แลกมา กะว่าคงไม่ได้ใช้ซื้ออะไรอยู่แล้ว) จะไปแลกตอนนี้ก็ไม่ไหวล่ะ แต่ถามดูแล้วว่าทางร้าน รับเงิน US Dollar (พ่อให้มา ยามฉุกเฉิน ครับ เป็นเงินของแม่ที่ใช้ล่าสุด ครั้งไปต่างประเทศ) ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับ

หาน้ำหน่อย ด้านบนมีร้านเซเว่น อยู่ นอกจากสไปร์ท ก็ไปหาพวกช็อคโกแลคกินน่าจะดี แล้วค่อยกินยา ก่อนที่จะเป็นลมไปซะก่อน ตอนนี้ก็หน้ามืด มึนๆหัวบ้างแล้ว


เสียใจ เราไม่รับเงิน US Dollar!


เดินถึงร้านแล้ว หยิบของเรียบร้อยเป็นน้ำดื่ม เซเว่นอัพ(7-Up) กับช็อคโกแลคยี่ห้อ “Snickers” ไม่ได้ดูอะไรมาก แค่เอามาเพิ่มน้ำตาลในเลือดหน่อยเถอะ

หยิบมาวางตรงที่ชำระเงินยื่นเงิน US Dollar ให้ พนักงานสาวโพกศีรษะ เธอสั่นหน้าพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ บอกว่า “ ไม่รับเงิน ยูเอส ดอลลาร์ ที่นี่ รับเฉพาะ เงิน Singapore Dollar นะ"

เอาเข้าไป ไม่เป็นไร วางของไว้ก่อน เดี๋ยวผมไปแลกมา ตามนั้น

มึนหัวจริง ร่างกายคงต้องการน้ำตาลมากๆ ไปตรงช่อง Exchange ได้เงิน Singapore Dollar มาจำนวนหนึ่ง

เดินกลับมาที่ร้านใหม่ จ่ายเงินเรียบร้อยจนได้ของมา ไปหาที่นั่งกิน ตรงที่มี Free Wifi เมื่อคืน ตรงร้านกาแฟนี่ล่ะ



เมื่อ Snickers ตกถึงท้อง


แข็งครับ เคี้ยวยากจริงๆ(ก็แน่ละมันแช่เย็นมานี่) แต่หวานดี ก็คงทำให้มีแรงขึ้นมาได้บ้าง อยากจะกินให้หมดโดยเร็วจะได้กินยาน่ะ

จากนั้นก็ต่อ Buscopan ที่ซื้อมา แล้วดื่ม เซเว่นอัพ รู้สึกว่า ทำไมมันเยอะขนาดนี้ ดื่มไม่หมดน่ะ คงได้แค่จิบๆ ทีละนิด(คลื่นไส้) แต่ก็ยังไม่เห็นผลครับ ดีขึ้นเรื่องมีอาหารตกถึงท้อง แต่ก็ยังปวดท้องอยู่นะ

เล่น Internet แจ้งข่าวทางบ้านหน่อย ว่าถึงไหนแล้ว เสร็จก็เดินไปนั่งที่เดิมดีกว่า



กลุ่มนักดำน้ำจาก “มนุษย์กบไทย”


รู้สึกเพลียมากเลย นอกจากจะนอนน้อย(นอนไม่หลับ) ก็เหมือนจะมีไข้แน่นอนแล้ว เห็นคนเริ่มมาต่อแถวที่หน้า Gate ผมยังไม่ไปต่อดีกว่า คนยังมากอยู่

จากคนที่ต่อแถว ก็ดูหมือนคนไทยอยู่หลายคนนะ แต่ผมไม่รู้จักน่ะซิ แต่ดูไปเรื่อยๆ เริ่มมีคนคุ้นๆ ล่ะ ใช่แน่ๆ

“สวัดดีครับ ครูตุ๋ม สวัดดีครับพี่แดง”

“อ้าวภพ มายังไงเนี่ย”

“ไป Lembeh เหมือนกันครับ”

เหมือนใจชื้นๆ มากขึ้นเมื่อพบคนไทย ผมเล่าว่า มาตั้งแต่เมื่อคืน แล้วนอนที่สนามบินนี่แหละ ทริปอันดามันใต้ครั้งแรกของผม ก็ไปกับ มนุษย์กบไทย บนเรือ Scubanet นอกจากครูตุ๋ม กับพี่แดงแล้ว พี่ตา พี่หมอพี หยกกับพี่บิ๊ก ก็เป็นมิตรสหาย ที่ผมเจอบนเรือเช่นกัน(ยกมือไหว้เหมือนพบญาติเลย 555)

“ครูตุ๋มครับ ผมท้องเสียน่ะครับ พอจะมี Norfloxacin ไหม ยาลดไข้ด้วยนะครับ”

“มีชาโคล (Charcoal) ค่ะ ที่เหมือนผงถ่านน่ะ แต่อยู่ในกระเป๋าที่โหลดไปบนเครื่องบิน ไปถึง Resort ค่อยไปเอานะ”

“หรือไปเอาที่พี่ก็ได้นะภพ” พี่ตากับพี่หมอพี บอก

ส่วนพี่ผู้หญิงกับพี่ผอมๆอีกคน ก็ดูเป็นห่วงผม ถามถึงสารทุกข์สุขดิบ ทำให้ดูแล้ว เบิกบานใจขึ้นเยอะ แม้จะยังปวดท้องอยู่ก็ตาม

คนไทยไม่ทิ้งกัน และน้ำใจคนไทยไม่เคยหายไปไหน ครูตุ๋มบอกว่า โชคดีนะ ที่วันนี้ยังไม่ต้องดำน้ำ วันนี้ผมจะได้มีเวลาพักผ่อน พรุ่งนี้ก็คงจะดีขึ้น



Welcome to Silk Air


สายการบินนี้ เป็นสายการบินของประเทศสิงคโปร์เหมือนกัน แต่เครื่องจะเล็กกว่า สำหรับระยะเวลาไปถึงจุดหมายปลายทาง เมืองมานาโด(Manado) ประเทศอินโดนีเซียนั้น ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 40 นาที (โอ้ว นั่งยาวเลย ไกลกว่าครั้งต่อเครื่องไปลง Tawau ทริป Sipadan เสียอีก)

ข้างๆผม เธอชื่อพี่แตงครับ เป็นทันตแพทย์ คุยไป คุยมา เธอก็ไปดำน้ำมาเยอะ รวมทั้ง Maldives และ Palau(Micronesia) ซึ่งเป็นสถานที่ดำน้ำ ที่ผมอยากไปอยู่เหมือนกัน

อาหารวันนี้ ผมทานไม่ลงจริงๆ ไม่ใช่ว่าอาหารไม่อร่อยแต่อาการท้องเสียของผมและเป็นไข้นี่แหละ เลยทานได้แต่ขนมปังกรอบเท่านั้น

ผลไม้ก็ทานไม่ไหวครับ จำได้ว่าถ้าท้องเสียก็อย่าพึ่งรีบกินพวกนี้ พี่คนข้างๆเพื่อนพี่แตงก็ใจดีมาก รับผลไม้ต่อจากผมโดยไม่รังเกียจเลยนะ

ช่างเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก กว่าจะถึงที่หมาย ท้องก็ปวด หนาวก็หนาว พี่ๆทั้ง 2 คงเห็นผมเริ่มปากซีด เลยสอบถามอาการ พี่แตงก็ให้เสื้อผมสวมใส่คลายหนาว แม้จะ Size ต่างกันมากก็ตาม

กัปตันแจ้งว่าเรากำลังจะถึงเมือง Manado แล้วครับ



Welcome to Manado Airport


ก่อนเครื่องลงจอด ผมเห็นทัศนียภาพที่หน้าต่างดูแปลกตา เรากำลังลงบนเกาะสุลาเวสี(Sulawesi)ทางตอนเหนือครับ แถบนี้ก็มีภูเขาไฟเยอะแยะไปหมด เคยได้ยินข่าวภูเขาไฟปะทุ แถวนี้ คนหนีตายกันเลยล่ะ ก็กลัวๆเหมือนกันครับ แต่ความอยากดูสัตว์ทะเล อยากดำน้ำ มันมากกว่านะ

ด้านนอกตัวเครื่องก็ดูโล่งๆ ที่ดูแปลกตาคงเป็นต้นไม้ที่ปลูกรอบๆสนามบินมากกว่า(ออกแนวต้นมะพร้าวนะ) ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เมืองไทยแน่ 555

หลังจากหยิบ Fin กับกระเป๋าลงมาแล้ว ก่อนที่จะไป Immigration ผมต้องไปก่อนครับ มันมาอีกแล้ว


ข้าศึกบุก รอบที่ 5!!!


เข้าห้องน้ำก่อนเลย อาการท้องเสียยังไม่ดีขึ้น ไม่ต้องชั่งน้ำหนักก็พอจะเดาได้ว่าคงจะลดลงไปหลายกิโลอยู่

จากนั้นเดินออกมาทางผู้โดยสารขาเข้า ต่อแถวเพื่อตรวจ Passport การเข้าสู่ประเทศอินโดนีเซีย



Immigration


ต่อแถวนานมาก อะไรมันจะนานขนาดนั้น ของที่ตัวก็หนัก หัวก็หนักนะเว้ย เฮ้ย ว่าแต่คนอื่นก็ช้าเหมือนกันเราครับ ต้องใจเย็นๆเข้าไว้

สังเกตรอบๆ เห็นชาวต่างชาติซึ่งดูส่วนใหญ่จะเป็นนักดำน้ำ อาจมีเดินป่าบ้าง สลับกันไปครับ(อาจจะเป็นรายได้หลักของเมืองนี้เลยก็ได้นะ)

ผมพยายามมองหา ไหนละ 2 สาวที่ Dive Info ส่งมา สงสัยจะขึ้นเครื่องไม่ทันละมั้ง ไม่ก็ยกเลิกทริปนี้แล้วล่ะ

พี่ที่มาในกลุ่มมนุษย์กบไทยคนหนึ่ง ต้องขึ้นไปจ่ายเงินครับ เห็นว่าเพราะเป็น US Passport แต่ถ้าเป็น Thai Passport หรือประเทศในแถบอาเซียนนี้ ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มนะ

ถึงคิวผมซะที ยิ้มแย้มเข้าไว้ ยิ้มสยามครับ มีให้พิมพ์ลายนิ้วมือด้วย ก็ปฎิบัติตามที่เจ้าหน้าที่บอกนั่นแหละ


ขอนั่งก่อน หัวหนักมาก!


เอากระเป๋ามาใส่รถเข็น ผมอยู่กับกลุ่มนักดำน้ำของมนุษย์กบไทย ก็คุยกับพี่แดง พี่ตา หยก พี่บิ๊ก ครูตุ๋ม แล้วก็ขอนั่งพักบนรถเข็นก่อนนี่ละ มึนหัว อาการไข้เริ่มกำเริบแล้ว

โทรบอกพ่อว่าจากการเดินทางตั้งแต่เมื่อคืน ผมพึ่งจะมาถึงเมืองมานาโด ประเทศอินโดนีเซีย ต้องนั่งรถต่อไปอีกจนถึงเมือง Bitung ก่อนจะเข้าที่ Resort (ถึงตอนนี้ โทรศัพท์ที่เติมมาก็ใกล้เงินหมดแล้วครับ)

คนครบแล้ว ออกไปข้างนอกสนามบินดีกว่า 2 สาว นั่น คงจะไม่มาแล้วล่ะ



พี่ยา พี่ตุลย์ 2 สาว ที่ Dive Info ส่งมา


“น้องภพ หรือเปล่าคะ” 2 สาวถาม

“พี่ยา พี่ตุลย์ หรือเปล่าครับ” ผมยกมือไหว้

“ใช่คะ พี่มารอนานแล้วนะเนี่ย 555”

“เจอจนได้ ผมก็นึกว่าพวกพี่ๆจะไม่มาซะแล้ว 555” พี่ยาขึ้นเครื่องมาจากสิงคโปร์ครับ เพราะเธอทำงานที่นั่น ส่วนพี่ตุลย์มาถึงสิงคโปร์กลางดึกเมื่อคืน จากนั้นเข้าเมืองไปพักกับพี่ยา ก่อนจะมาที่นี่ด้วยกัน

ผมลาครูตุ๋มและกลุ่มมนุษย์กบไทยตรงนี้ ก่อนจะไปเจอกันอีกครั้งที่ Bastianos Diving Resort ที่ช่องแคบ Lembeh เมือง Bitung เพราะรถจัดไว้คนละคัน ของทางนั้นเขามาเป็นกลุ่มใหญ่ จะเป็นรถตู้ ของผมมีแค่ 3 คน ก็เป็นรถเก๋ง คุณพี่ชาวอินโดนีเซียคนนี้ จะเป็นคนขับไปส่งครับ (Bastianos จะมีสองที่ มีที่ Bunaken ด้วย เป็นอีกจุดดำน้ำครับ แต่ในทริปนี้ ผมมา Lembeh ก่อน ไว้ในโอกาสต่อๆไปแล้วกันนะ)

0 Comments:

Post a Comment

<< Home