Saturday, March 17, 2012

Singapore...This is my occasion(10)



On the top floor at Marina Bay Sands Hotel!


ลิฟท์ที่นี่เร็วจริงๆ เผลอแป๊บเดียวก็มาอยู่ชั้นบนสุดซะแล้ว เดินออกมาจะพบด่านของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะคอยเช็คว่าเราเป็นแขกของโรงแรมหรือไม่ ห้องหมายเลขอะไรและอยู่ชั้นไหน



วิวสระว่ายน้ำนี่สวยจริงๆ ด้านหลัง คือ ตึกในยามเย็น มีดวงอาทิตย์ ดวงกลม สีส้มอยู่ด้วย มองจากตรงนี้ดูเสียวนะ สำหรับคนลงไปว่ายน้ำไม่กลัวตกลงไปหรือไง 555



มีเก้าอี้นอน ริมสระว่ายน้ำ มีเครื่องดื่มคอยให้บริการ มีต้นไม้สวยๆ มีบิกินี่ เอ้ย 555 พอที่จะทำให้บรรยากาศในตอนนี้ ดีมากๆ แม้จะมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กและแขกที่มาเล่นน้ำบ้างก็เถอะ(อีกฝั่งของสระน้ำ มีจากุซชี่ด้วยนะ)



ทำให้ผมมีความคิดที่อยากจะลงเล่นน้ำเหมือนกัน อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ ก่อนจะ Check-Out ก็ได้ ในความเป็นจริงผมไม่ได้อยากเล่นสระว่ายน้ำ เวลามาเที่ยวแบบนี้หรอก

แต่จะอีกนานแค่ไหนล่ะ กว่าผมจะได้มีโอกาสดีๆ แบบนี้ ที่จะกลับมาพักที่นี่ได้อีก



ถ่ายรูปซะเพลินเลยครับ ชั้นบนสุดนี้ก็อยู่บริเวณรูปเรือ ที่มองจากด้านล่างนั่นแหละ แต่กว้างมากจริงๆ มีร้านอาหารด้วยนะ



เดินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เป็นลานกว้างๆ สำหรับชมวิวและถ่ายรูป หากใครไม่ใช่แขกของโรงแรมก็จะต้องเสียค่าบริการครับ ถึงจะขึ้นมาตรงจุดนี้ได้ (ไม่แน่ใจว่าประมาณ 20 เหรียญสิงคโปร์หรือเปล่านะ ลองเช็คกันอีกทีนะครับ)



มองไปด้านล่าง เห็น Singapore Flyer ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของเพื่อนที่ทำงานที่สิงคโปร์ มันบอกว่า “มึงไม่ต้องขึ้นหรอก ไปหาตึกสูงๆแล้วชมวิว ได้อยู่นานกว่าด้วย” เออ ท่าจะจริงๆ แฮะ จุดชมวิวตรงนี้ก็สวยมากซะด้วย



มีร้านขายของที่ระลึกด้วยครับ เผื่อใครจะสนใจ พ่อซื้อเสื้อด้วย แกฝากผม 1 ตัวครับ มี 2 สี คือ สีเหลืองกับสีดำ ผมรู้ดีว่า พ่ออยากได้สีเหลืองมากกว่า จึงเลือกอีกสีครับ



แสงสีส้มกำลังจะหายไป และสิ่งที่มาแทนที่ ก็คือ ราตรี กับแสงไฟตามตึก ให้บรรยากาศที่คลาสสิคไปอีกแบบ



เราเดินกลับย้อนมาที่เดิม เพื่อลงไปด้านล่าง เดินผ่าน CASINO ออกไปทาง Hotel and Skypark / Coach Terminal พี่มุกบอกว่า มีการแสดง แสง สี เสียง ด้านนอกนี้ด้วย(ชมฟรีครับ)



มีบ่อน้ำพุ เป็นน้ำวน ใหญ่โตดี แต่ไฮไลท์จริงๆ อยู่ที่การแสดงน้ำพุ ตรงนี้ต่างหาก




What a Wonderful World!!!


เขาเปิดเพลงนี้พอดี What a Wonderful World ของ Louise Armstrong เพลงก็เพราะ แถมการแสดงน้ำพุก็มีลูกเล่นเยอะทีเดียว น้ำพุเต้นระบำไปมา พร้อมกับสีของไฟที่ฉายเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ทีเด็ดมากกว่านั้น ก็เป็นรูปคนที่ถูกฉายไปกลางน้ำพุ สาวคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ล่ะ คงเป็นดาราที่สิงคโปร์ แต่เสียงหวานมาก กับเพลง What a Wonderful World นี้

มีนกบินด้วย ทำได้ไงเนี่ย ปิดฉากได้สวยงาม เสียดายจบเร็วไปหน่อย ถ้าได้ดูตั้งแต่ต้นก็คงจะดี ใครผ่านไป-ผ่านมา ก็ลองมาชมกันครับ

ดูจบแล้ว ผมอยากไปอีกที่หนึ่งที่สร้างมาก่อนที่นี่ คือ น้ำพุที่ตึก SUNTEC CITY เราโบกรถ TAXI ไปสองคันครับ แต่ต้องต่อคิวตามระเบียบนะ



Fountain Of Wealth At SUNTEC CITY


อ้าว อยู่ไหนละเนี่ย TAXI มาส่งที่ตึกจริงๆ ครับ แต่ตรงนี้มีตั้งหลายตึกนะ ไปถามเจ้าหน้าที่สาวคนนี้ดีกว่า เธอชี้ไปด้านนึงครับ แต่น้ำเสียงและสีหน้านี่ แบบนี้ไม่ต้องบอกก็ได้เจ๊



น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง(ชมฟรีเหมือนกัน) อยู่ตรงวงเวียนที่รถวิ่งเลยครับ ก็เดินระวังๆนิดนึง เพราะรถวิ่งเร็ว ส่วนใครจะสะดวกดูด้านบน หรือลงไปดูล่าง ก็ตามสบายครับ แต่ผมต้องหาพี่คนกลางกับพี่สะใภ้และเจ้าหลานจอมซนก่อน ไม่นานก็เจอ อยู่ด้านล่างนี่เอง



ที่นี่จะแตกต่างจากที่ดูเมื่อซักครู่ ลักษณะน้ำพุจะกระจายเป็นเส้นเล็กๆ สลับไปด้วยแสง สี และเปิดเพลงตามไปด้วย มีตัวอักษรด้านในน้ำพุ แต่จะอยู่ภายในวงแหวนขนาดใหญ่นี่ล่ะ(เพลงจะเปิดแนวๆวัยรุ่นนะ แต่ผมไม่รู้จักด้วยครับ อาจจะหาได้ตามคลื่น 105.5 บ้านเราก็ได้)



นั่งดีกว่า ถ่ายรูปไปด้วย มองไปด้านนี้ก็ใกล้กับ CONRAD ด้วยครับ น่าจะเป็นโรงแรมนะ



น้ำพุจบ จะมีทางเดินให้เข้าไปใกล้ๆได้ ก็เดินวนรอบพร้อมกับเอามือแตะน้ำด้วย มาทั้งที่ ก็ลองทำตามข้อมูลท่องเที่ยว เผื่อจะมั่งคั่งกับเขาบ้าง 555

หิวครับ ไปหาของกินดีกว่า ฝากท้องไว้กับร้าน Crystal Jade ที่อยู่บริเวณตึกนี่แหละ

ถึงเวลาเดินกลับ มุดตึกนั้น ลงตึกนี้ ถ้าไปตามถนนอย่างเดียวก็อาจจะไม่ปลอดภัยนัก ในการข้ามถนนซึ่งมีรถที่วิ่งผ่านอย่างรวดเร็ว ระหว่างทาง มีร้านอาหารไทย ชื่อ Tawandang (ตะวันแดง) ด้วยนะ

ออกมายังตึกที่เป็น Art Gallery ตอนแรกผมเข้าใจว่ากำลังจะกลับโรงแรมกัน ยังครับ พี่ๆพามาถ่ายรูปที่ Merlion ตัวจริง เสียงจริง ต่างหาก

ระหว่างเดินไปริมแม่น้ำ มีทางเดินเล็กๆ แต่สวยมาก ตั้งกล้องถ่าย Marina Bay Sands Hotel ในระยะไกล ในยามค่ำคืน ก็สวยดีเหมือนกัน



Merlion ตัวจริง!!!


อยู่ที่นี่มาหลายวัน เจอ Merlion ไปแล้ว ก็ที่ Resort World สำหรับที่นี่ ในสวนก็ยังมีตัวปลอมอีกตัวนะ(ตัวเล็กๆ ในสวน 555)



มาดูตัวจริงบ้างดีกว่า แม้จะตัวไม่ใหญ่เท่าที่ Resort World แต่รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของ Original(เว่อร์ล่ะ) 555 เอาเป็นว่า ถ่ายกลางคืนก็ดูสวยไปอีกแบบ มีแสงไฟแถมมาด้วย



คนดูน้อยลงกว่าเมื่อหัวค่ำ(มองจากชั้นบนของโรงแรมครับ) ถึงตอนนี้ แต่ละคนก็เริ่มเมื่อยขาบ้างแล้ว สังเกตได้จากเมื่อขึ้นรถ Taxi รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ แอร์เย็นด้วย

คืนนี้ ผมนอนที่โซฟาด้านนอก นอนดึกด้วยแหละ ก็เขียนอะไรไปเรื่อย เปิดทีวีดูบ้าง อีกอย่างให้พ่อกับพี่คนโตเขานอน น่าจะสบายกว่า

ว่าแต่แอร์หนาวจริงๆ ต้องนอนขดเป็นงูเท่านั้น เอาเสื้อแม่ขึ้นมาสวม คงจะช่วยให้อบอุ่นดี



20 กรกฎาคม 2554


วันสุดท้ายของการเดินทางแล้ว คืนนี้ก็ต้องกลับไปนอนที่เมืองไทยแล้วครับ เวลาผ่านไปรวดเร็วจริงๆ



ลงมาซัด Breakfast ก่อน กินให้หายเหี้ยนไปเลย ปลาดิบ ซาลาเปา ขนมจีบ ฮะเก๋า ไส้กรอก ครัวซองทาเนยถั่ว เพราะเป็น Brad Pitt ใน Meet Joe Black 555

แต่จะกินมากจนพุงกาง ก็ลืมไปว่า เดี๋ยวต้องไปเล่นน้ำที่สระชั้นบนนี่นา เดี๋ยวจุก ไหนๆก็ไหนๆ ผมพลาดเมื่อวานนี้ สระว่ายน้ำ ที่ Hard Rock Hotel (ได้อย่าง เสียอย่าง ยังไงก็ได้ไปถ่ายรูป Merlion ที่ Imbiah station ด้วยน่ะ)



Swimming on the top floor!


โอกาสดีๆแบบนี้คงหาไม่ง่ายนักครับ ลองเล่นน้ำที่นี่ดีกว่า คนไม่ค่อยเยอะด้วย



จะมีพนักงานคอยเตรียมผ้าเช็ดตัวไว้ให้ สามพี่น้องลุย ส่วนพ่อนั่งดู แกคงไม่อยากอาบน้ำอีกรอบครับ พยายามชวนแล้ว ยังไงก็ไม่ลง



สังเกตว่า ตรงปลายสระ ที่ดูเสียวจนจะตกตึกนั้น จริงๆ ยังมีส่วนที่ยื่นไปอีกพอสมควร ไม่ใช่ว่าหลุดจากสระนี้ไปจะต้องตกตึกในทันที ก็ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีอยู่แล้ว (ยังมีช่องสำหรับให้เจ้าหน้าที่เดิน แต่ไม่ให้แขกไปเดินนะ หลุดไปจากตรงนี้ล่ะก็ ลาก่อน)



ว่ายไปกลับซักรอบนึง แข่งกันดำน้ำ ว่ายน้ำ แต่ผมแพ้ประจำ แม้จะเป็นคนเดียวใน 3 พี่น้องที่เรียนดำน้ำแบบ Scuba Diving แต่ก็ไม่ใช่คำตอบว่าจะต้องกลั้นหายใจได้นานกว่า และว่ายน้ำเร็วกว่าคนอื่นๆนะ 555



Check-Out!


กระเป๋าฝากที่โรงแรมก่อนได้ครับ ขากลับที่จะไปสนามบินค่อยมาเอา มี 4 สาว ในชุดสีขาว มานั่งเล่นไวโอลินให้ฟัง คนสุดท้ายเล่น เชลโล่ ฟังแล้วเคลิ้มตามนะ

พี่มุก จะพาไปกินบัก กุ๊ด เต๋ ครับ อยู่แถวๆ ย่านเกลัง นอกจากข้าวมันไก่ เมื่อวันก่อน บัก กุ๊ด เต๋ ก็ถือว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่เหมือนกัน แต่ปกติผมก็ไม่กินนะ แต่ก็พอกินได้แหละ



คุณอา NG AH HAU จะเป็นคนขับ Taxi พาไปครับ เหมือนจะต้องขับออกไปนอกเมืองเลย ระหว่างทางเจอป้ายที่เป็นภาษาไทย เขียนในไซด์งานก่อสร้างว่า “ ถ้าดีแล้วค่อยทำ ถ้าไม่ดีคิดว่าอันตรายก็ไม่ต้องทำ” หรือจะเป็นกฎหมายนะ

ส่วนใหญ่บ้านคนจะอยู่บนตึก เราลอดอุโมงค์จนมาถึงร้านบัก กุ๊ด เต๋



NG AH SIO Pork Ribs Soup Eating House!


นั่นเป็นชื่อเต็มๆ ของร้านครับ อธิบายถึงชื่อร้านและประเภทของอาหาร บัก กุ๊ด เต๋(Bak Kut Teh) คนแน่นร้านเลย คงเป็นร้านที่มีชื่อเสียงจริงๆนั่นแหละ

พนักงานสาวท่าทางทะมัดทแมงเข้ามาใช้ปากกาจิ้มๆที่เครื่องอิเล็กทรอนิกซ์ พร้อมกับผ้าเย็น เจ้าหลานจอมซนก็นั่งนิ่งแต่โดนดี เพราะพ่อมันเปิดการ์ตูนให้ดู



ปาท่องโก๋ จานแรก ตามด้วย ผัดผักกาดขาวมีกระเทียมเจียวโรย และบัก กุ๊ด เต๋ ที่เป็นเนื้อหมูติดกระดูกในน้ำซุป ทานกับข้าวสวยร้อนๆ (พริบตาเดียวก็เหลือแต่จานเปล่า ส่วนผมจะกิน 2 อย่างแรกมากหน่อยครับ)



เพิ่มพลังเรียบร้อย เดินเท้าไปยังห้างมุสตาฟา ผ่านถนน Rangoon ระหว่างทางผ่านร้านขายของชำ ซึ่งก็คล้ายๆกับบ้านเรา ป้ายห้ามจอดรถ ป้ายกดสัญญานรอข้ามถนนซึ่งอันนี้แจ๋วดี ซึ่งมี 3 ระดับ คือ Do not Cross , Cross with Care และ Do not Start to Cross



สำหรับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่อยู่ย่านนี้ คือ สถานี Farrer Park ครับ เผื่อใครจะแวะมาแถวนี้นะ

เดินผ่านถนน Kitchener มองเห็นร้าน Internet อัตราค่าบริการ ชั่วโมงละ 2 เหรียญสิงคโปร์ครับ



เห็นตึกที่มีพรีเซ็นเตอร์เป็นคนมุสลิมเป็นสัญญานว่า

เรามาถึงห้างมุสตาฟา แล้วครับ

0 Comments:

Post a Comment

<< Home