Sunday, August 07, 2005

ฝันให้ไกล ไปให้ถึง....เนติบัณฑิต


หลังจากที่ส่งพี่เม่งกี่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมจะไปงานรับประกาศนียบัตรเนติบัณฑิตยสภา ที่สวนอัมพร

ต้องขออธิบายก่อนว่า เนติบัณฑิต เป็นการสอบแบบข้อเขียนในเวลา 4 ชั่วโมง 10 ข้อๆละ 10คะแนน โดยนำความรู้กฏหมายทั้งหมด มาสอบแบบรวบยอด โดยต้องบริหารเวลาในการทําข้อสอบไม่งั้นอาจทําไม่ทัน (ตกข้อละ 25นาที) หากผู้ใดได้ 50 คะแนนในแต่ละหมวดวิชา(ต้องสอบทั้งหมด 4 หมวดวิชา) ก็จะสอบผ่าน โดยไม่มีปัดขึ้นและปัดลง 49 กับ 50 จึงเปรียบดังนรก กับสวรรค์(ปีหนึ่งมี 2 ภาคๆละ 2 หมวดวิชา)

หากใครสอบผ่านทั้งหมดและสอบปากเปล่าผ่านก็จะได้สําเร็จเป็นเนติบัณฑิต หากใครสอบไม่ผ่านต้องมาแก้ตัวใหม่ในปีหน้า

โดยการได้ “เน”เพียงบันไดก้าวหนึ่งของนักศึกษากฏหมายเพื่อที่จะทําให้ มีคุณสมบัติไปสอบ ผู้ช่วยผู้พิพากษาและอัยการต่อไป

ที่นี่ ไม่มีการเช็คชื่อ เข้าเรียนเหมือนในมหาวิทยาลัย ใครจะมาเรียนก็ได้ หากไม่มา ที่นี่ก็จะมีคําบรรยายรายชั่วโมงให้อ่าน(ภาคปกติ) ส่วนภาคค่ำและภาคทบทวนวันอาทิตย์จะไม่มีคําบรรยาย

จึงเป็นเรื่องของนักศึกษาที่จะบริหารเวลากันเอง อาจารย์คนไหนสอนดี ฟังรู้เรื่อง ก็อาจเลือกฟัง หากของใครฟังไม่เข้าใจ ก็อาจใช้เวลาช่วงนั้นไปอ่านหนังสือ จึงไม่แปลกใจว่า ผู้ที่มาเรียนเป็นประจําอาจสอบไม่ผ่าน ในขณะที่ผู้ที่ไม่มาเรียนเลย อาจสอบผ่านก็เป็นได้

ฟังดูอาจจะงงๆ ทําไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะว่า ผู้ตรวจข้อสอบ(ซึ่งเป็นผู้พิพากษา)อาจจะไม่ใช่อาจารย์ผู้สอนก็ได้หรืออาจจะเป็นอาจารย์ผู้สอนเองก็ได้(ทั้งนี้เป็นเพราะ มีเวลาตรวจจํากัด จึงต้องแบ่งหน้าที่กันทํา) การให้คะแนนจึงอาจไม่เท่ากันบ้างเช่น มีเด็กชาย ก และ ข ตอบข้อสอบเหมือนกัน อาจารย์คนหนึ่งให้ ก 3 คะแนน อาจารย์อีกคนหนึ่งให้ ข 0 คะแนน จึงพูดได้เล็กน้อยว่า หากไม่ใช่ผู้ที่ทําคะแนนได้เป็นกอบเป็นกํา “ดวง” จึงเป็นส่วนช่วยเล็กน้อย ที่อาจทําให้สอบผ่านได้

อาจเป็นคําแก้ตัว สําหรับผู้ที่สอบไม่ผ่าน แต่ ท่านผู้พิพากษา ก็ยังหมั่นให้พวกเราไปทําบุญกัน จะได้มีดวงกันบ้าง(ซึ่งเป็นมาตรฐานของเน ซึ่งทุกๆคนต้องยอมรับ)

ที่ผมเล่ามายืดยาว เพียงเพื่อ อยากจะอธิบายให้ พ่อแม่ของเพื่อนๆหรือคนอื่นๆที่ยังไม่เข้าใจว่า ลูกๆของท่านไม่ได้เที่ยวเตร่ จนไม่เอาถ่าน(ในความคิดของผู้ใหญ่ ที่ว่า หากอ่านหนังสือก็ต้องสอบผ่าน) เนื่องจากเพื่อนๆผมบางคน มักจะถูกพ่อ แม่ต่อว่า นั่นเอง (หลายๆคน อาจคิดสั้น เพราะสอบไม่ผ่านซะที ไม่ก็เป็นบ้าไปเลย เป็นเรื่องจริงที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว)

สําหรับผม ไม่มีปัญหาเพราะทางบ้านเข้าใจ ว่า การสอบเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่จะสอบผ่านต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างช่วยด้วย หากไม่ใช่คนเก่ง (ซึ่งคุณพ่อหวังจะให้ผมเป็นผู้พิพากษาในอนาคต)

ปีนี้เป็นปี ที่ 2 แล้ว ที่ผมมางานนี้ มองเห็นเพื่อนๆพี่ๆหลายคนสอบผ่าน หลังจากใช้ความพยายามมาหลายปี ผมก็ดีใจด้วย บางคนเป็นรุ่นน้องสอบปีเดียวก็ผ่านแล้ว ทําให้หลายๆครั้งก็มีความรู้สึกอายๆรุ่นน้องอยู่เหมือนกัน(ผมซึ่งกําลังศึกษาใน ปี ที่ 3 สอบผ่านไป 1 หมวดวิชา)

แต่มาคิดอีกทีว่า สอบผ่านเป็นเรื่องที่เก่งแต่สอบไม่ผ่านเป็นเรื่องปกติของที่นี่(เพราะมีอีกมาก ที่ยังสอบไม่ได้เลยแม้แต่หมวดวิชาเดียว)

คุณลุงหนวดขาว ใส่ครุยเนติบัณฑิตเดินผ่านไป ทําให้ผมยิ้มอยู่ในใจว่า ในที่สุดความพยายามของแกก็เป็นผลเสียที(บางคนใช้ความพยายามมา 10 กว่าปี กว่าจะสอบผ่านก็มี )

สําหรับผม ก็ต้องพยายามต่อไป หากยังสอบไม่ผ่าน ผมก็จะไม่มีวันล้มเลิก(กลับเป็นพลังให้ผม ในการมุ่งไปข้างหน้า สู่ความสําเร็จ) ซึงผมก็ไม่ปิดโอกาสตัวเอง ในการทําอย่างอื่นบ้างแน่นอน(แต่ยังหาเวลาอ่านหนังสือ สอบอยู่ตลอดครับ) ดังคําที่หลวงเพื่อนทองไหล พูดอยู่เสมอว่า “มันไม่ใช่ที่สุดของชีวิต”

ผมอยากให้คุณพ่อ มีความสุข และผมจะทําให้ได้ครับ

8 Comments:

At 5:36 AM, August 08, 2005, Anonymous Anonymous said...

เคยนินทากับชายที่ชอบหายไป
ว่าการอ่านหนังสือเนติ เปรียบได้ดัง "เครื่องจักรอ่านหนังสือ"
เค้าเป็นคนพูดนะ แต่ฟังแล้วถูกใจมาก
เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ต้องอ่านอะไรไม่รู้มากมาย แถมต้องอ่านหนังสือซีรีส์ "พิศดาร" ด้วย
ไม่รู้จะพิศดารไปถึงไหน ชีวิตพิลึกหมด
....
ขอแสดงฟามดีใจ (อีกที)
ที่สอบผ่านไปหนึ่งหมวดวิชา
และหวังว่าคงพยามยามต่อไป
โดยไม่คิดว่า เนติ คือที่สุดของชีวิต
....
เออ..นี่ๆ
ตะว่า
งานเลี้ยงน่ะ งานเลี้ยง
ที่สอบผ่านน่ะ
เมือไหร่เหรอ??
รออยู่นะ รออยู่

 
At 11:21 AM, August 08, 2005, Anonymous Anonymous said...

...แค่จะบอกว่า ถ้ามีฝันก็ทำตามฝัน มีความตั้งใจก็เดินไปตามทางนั้น ระหว่างทางจะเจอถนนเรียบ แม่น้ำ หุบเหวอะไรก็เดินไปอย่างมั่นใจเถอะ ...... จะถึงที่หมายช้าหรือเร็วไม่มีใครทราบ
แต่คนเราต้องมีความตั้งใจมีฝันนะ และความฝันความตั้งใจเรื่องไหนๆที่มาช้า...หรืออย่างแย่ๆคือไม่มาเลย...ก็ช่างมัน
เพราะมันเป็นเพียงแค่อีกปรากฎการณ์หนึ่งในชีวิตเท่านั้นเอง
...............

ประโยคสุดท้ายของข้อเขียนของคุณkasabครั้งนี้น่ะ " ที่สุด " แล้วค่ะ


Keep on going 'n' reach for the star ja.

 
At 4:16 PM, August 08, 2005, Blogger kasab71 said...

คุณ Carre de mim
ใครกันหว่า ชอบหายไป....
คงไม่ใช่ผมมั้ง ผ,แค่หลบไปตรวจเช็คร่างกาย(หัวใจ)

เอ้า ลาววันละนิด จิตแจ่มใส

เลี้ยงเหรอ ครับ รอจบเนดีกว่า ผ่านตัวเดียวคงฟลุคน่ะขอบคุณกับคําอวยพรot8iy[

แต่ถ้าจะเลี้ยงจริงๆ มาเมืองไทยซิ ผมจะเลี้ยงข้าวครับ


คุณ poulet
ใช่ๆ ครับ เราต้องพยายามต่อไป คนขาขาด แขนด้วน ความพร้อมก็น้อยกว่า แต่เขาก็ยังสู้เลย

ขอบคุณครับ

 
At 8:35 PM, August 08, 2005, Blogger Lex Luthor said...

สู้ต่อไปนะกระสาบ เอาใจช่วยอีกแรง เดี๋ยวเวลาเหมาะๆก็จะจัดเวลาเรียนโทเหมือนกัน ขอหยิบคำคมโบราณมาใช้หน่อยนะ "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" "ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก"(เกี่ยวป่าววะ?!?!?)

 
At 8:49 PM, August 08, 2005, Blogger kasab71 said...

ขอบใจ อ้อม มึงก็สู้เช่นกันนะ

ตื้อเท่านั้น ที่ครองโลก ยังทําไม่ได้ซะทีว่ะ ไม่เขาเบื่อก่อน กูก็เบื่อก่อนล่ะ

 
At 9:42 PM, August 11, 2005, Blogger kasab71 said...

กูไม่ได้เรียกเฮนเบะมานะ หัวเทียนจะบอดได้ไง

ขอบคุณสําหรับคําอวยพรของคุณลุงมาก

หวังว่าจะสมพรปาก

ว่าแต่ ลงท้ายด้วยลุงหนวดนี่ หาเรื่องนี่หว่า คุณลุง
ฮ่าๆๆๆ

 
At 9:01 AM, August 17, 2005, Blogger Lex Luthor said...

รูปสวยมากคุณลุง

 
At 10:26 PM, August 19, 2005, Blogger kasab71 said...

ได้ครับ เพื่อนๆ

กูจะสู้ๆๆๆๆๆๆๆ

 

Post a Comment

<< Home