ผมชอบ สนามบิน
เช้านี้มาส่งพี่เม่งกี่(พี่เวร สมัยอยู่ รร ประจํา) ไปศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา พี่เม่งกี่บอกคร่าวๆแค่ว่า จะมาถึงประมาณตี 5 ส่วนในเวลา 6 โมงเช้าก็ต้องเข้าแล้ว ผมจึงต้องรีบ โดยมาถึงเวลา ตี 5
ปรากฏว่า แกยังไม่มาถึงเลย ผมจึงต้องยืนดูบรรยากาศที่สนามบิน เหมือนเคย ผมมีความผูกพันกับที่นี่มาก ถึงขนาด เคยมานั่งอ่านหนังสือที่นี่ เป็นเวลาหลายชั่วโมงมาแล้ว(แอร์เย็นด้วย)
หากมองตามประสาผู้ชายหูดํา ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบมองสาวๆ ตามที่สาธารณะ จึงไม่แปลกใจว่า นอกจากบรรยากาศที่สบายๆของที่นี่แล้ว เหตุใด ผมจึงชอบที่นี่นัก(ตกหลุมรัก ได้ทุกวัน)
วันนี้เป็นคิวของ สาวน้อยชาวไทยร่างอวบ สวมเสื้อลายแต่ใส่เอวลอย เข็นของเตรียมไปศึกษาต่อต่างประเทศ แม้หน้าตาเธอจะไม่สวย แต่เธอแต่งตัวขึ้น ทําผมสวย แค่นี้ก็ดึงดูดผมจนอยากจะตามเธอไปศึกษาต่อต่างประเทศด้วยจัง (พอเถอะ ติดเรท แล้ว เดี๋ยวโดนแบน กลัวเขาไม่รู้รึไง ว่าหม้อ)
นี่คงมากพอ สําหรับเหตุผลที่ว่า ทําไมผมถึงชอบสนามบินนัก(แม้จะยังไม่เคยดู The Terminal แต่ขอติต่างว่า ตัวเอง คือ ทอม แฮงค์ มองหา แคทเธอรีน ซีต้าโจน แล้วกัน)
เขาว่ากันว่า ใครได้ไปศึกษาต่อเมืองนอกนั้น วันที่เพื่อนๆมาส่ง ที่สนามบินเป็นวันที่เท่มาก ดูดี เป็นต้น แต่เมื่อเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกหดหู่ที่จะต้องจากบ้าน จากเพื่อน ไปนานแสนนานก็จะบังเกิด เรียกว่า จ๋อยคงไม่ผิดนัก คงต้องใช้เวลากว่าจะปรับตัวได้(บางคนก็อาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้)
กว่าพี่เม่งกี่จะมา ก็ปาเข้าไปเกือบ 6 โมงครึ่ง(เหลือบไปดูเวลาออกเดินทาง ตั้ง 7 โมงครึ่ง นี่ผมรีบมาทําไมเนี่ย แต่เอาเถอะมาแล้วก็ยังดีกว่ามาช้าน่า……)
พึ่งรู้คําตอบว่า เวลามีคนมาทักเรา แม้เราจะจําเขาไม่ได้ เหตุใดเราถึงไม่ควรบอกเขาว่า เราไม่รู้จักเขา เรียกว่าต้องฟอร์มว่าจําได้ไว้ก่อน เป็นมารยาท ผมถกปัญหานี้กับพ่อมาตลอดว่า เมื่อเราไม่รู้จัก จําไม่ได้ ก็ควรจะบอกว่า คุณ คือใคร? หรืออะไรทํานองนี้
ผมได้เจอเพื่อนๆของพี่เม่งกี่ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ผมสมัยอยู่ รร ประจําและได้ สวัสดี ทักทายกัน หากแต่อยู่กันคนละคณะ พี่คนหนึ่งบอกผมว่า “มึงเป็นใครวะ?” ทําเอาผมอึ้งชั่วใคร ก่อนต้องแนะนําตัวต่อ(ข้าพเจ้ารู้แล้วครับ คนฟังจะรู้สึกเช่นไร)
ภาพคุณยาย หอมแก้มพี่เม่งกี่ด้วยความรัก ภาพคุณแม่ ที่กอดลูกชายด้วยความรัก ช่างเหมาะสมกับวันแม่ ที่ใกล้มาถึงเสียจริง แต่ผมเชื่อว่า อีกไม่นาน พี่เขา ก็ต้องปรับความรู้สึกได้ แม้อาจจะนานอยู่ก็ตาม
ถึงตอนนี้ เคยคิดตลอดสําหรับ เพื่อนๆผมที่มาจอดรถที่สนามบินว่า เหตุใดถึงชอบบ่นว่า เลย 1 ชั่วโมงแล้ว เลย 2 ชั่วโมงแล้ว กันจัง
วันนี้เข้าสู่ ชั่วโมงที่ 3 เสียค่าจอดรถ 70 บาท ผมเริ่มรู้แล้วซิ ว่าทําไมถึงบ่นกัน!!!!!
5 Comments:
สนามบินเหรอ
ไม่มีความผูกพันอะไรเป็นพิเศษ แม้กิ๊กเก่าจะเป็นทหารอากาศก็ตาม
แต่ยอมนับว่าเป็นสถานที่ที่อยากไปเสมอ
ไม่ว่าจะไปทำไร เช่น ไปรับเพื่อน ไปส่งเพื่อน หรือ การกลับเมืองไทย หรือ มาฝรั่งเศสของตัวเอง
....
ไปสนามบินครั้งสุดท้าย
คือเมือวันศุกร์ที่ผ่านมา
ไปส่งยัยเจ๊เพื่อนรักกลับเมืองไทย หลังจากไปเป็นไกด์นำเพื่อนญี่ปุ่นของเจ๊เที่ยวปารีสสองสามวัน
เนื่องจากนอนคุยหัวชนกันอยู่หลายคืน
รวมทั้งวางแผนการขึ้นเมโทร และเก็บสถานที่ท่องเที่ยวแบบ "เก็บหมด"
เลยมีความอาลัยอาวรณ์เกินกว่าจะคิด
โชคดีไม่ร้องไห้ ไม่งั้นจะขำ
เพราะยัยเจ๊จะกลับมาอีกสองเดือน
....
ชอบมองภาพการจากที่สนามบิน
รวมทั้งภาพคนโผเข้ากอดกันเวลาพบเจอ
ทั้ง "พบ" และ "จาก"
เป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต
ที่มีอยู่เสมอ
....
แต่ "ภพ" ที่เป็นเด็กโอวี รุ่น เจ็ดสิบเอ็ด
ท่าทางจะ "ไม่ธรรมดา" กระมัง
เพราะอัพเวบทีนึงได้สองตอน
แถมยังสามารถไปปิ๊งสาวอวบที่สนามบินได้ โดยยอมรับว่าเป็นคนหูดำ
....
เอาเหอะจะรอดูต่อไป
ว่าออกจากพรรคได้เมื่อไหร่
จะเอาดอกไม้ไปถวาย
....
เหอ เหอ เหอ
คอมเมน ยาวทุกตอนๆ เป็นเอกลักษณ์ของเธอผู้นี่
ดีครับ ที่มีความรู้สึกดีๆ ที่สนามบินเหมือนกัน
ที่อัพที่ 2 ตอน ไม่มีอะไรหรอกครับ เผอิญมีเรื่องที่อยากเขียน 2 เรื่อง เมื่อวานนี้ ก็แค่ไม่อยากรวมเป็นเรื่องเดียวก็เท่านั้น(จริงๆ ถ้าบังคับได้ ไม่อยากให้เกิน 1 หน้ากระดาษ ใน ไมโครซอฟเหวิด ด้วยซ้ำ เว้นแต่บางเรื่องที่จําเป็นจริงๆ)
คุณลุง พูดถึงสนามบิน ในเรื่อง love acutally จําได้ขึ้นมาทันที แม้พึ่งดูแค่ครั้งเดียวก็ตาม
แต่เพื่อนอินมากเลย เกือบร้องไห้ว่ะ หนังมันทําดีนะ
to me, you ' re perfect(ตอนพระเอกหน้าเหลี่ยมๆพูด เฉือดเฉือนมาก)
นึกถึงlove actually เหมือนกันเลย ดีๆๆ เกือบจะเขียนเรื่องไปส่งเพื่อนชาวเวิยดนามที่สนามบินเหมือนกัน ช้าไปก้าวเดียว 555
เฮ้ย เขียนไปดิ ไม่มีซ้ำหรอกอ้อม
ต่างคนต่างสไตล์ ต่างความรู้สึกนะ
กูก็อด อ่านเรื่องของมึงซิ ทีนี้
555 ไว้เดี๋ยวว่างๆก่อนนะ วันนี้เรื่องเดียวก่อน
Post a Comment
<< Home