Thursday, September 13, 2012

บินลัดฟ้าเยือนยุโรปที่...อังกฤษ(4)






สโตนเฮนจ์(Stonehenge) มาถึงแล้ว!!!


ตอนลงจากสนามบินก็ว่าอากาศเย็นแล้ว ตอนนี้เย็นกว่านั้น รู้สึกหนาวมาก แถมยังมีฝนอีก

ใช้หมวกช่วยได้มาก บางคนมี Hoot จากเสื้ออยู่แล้วก็เอามาใส่ได้เลย

 

เดินเข้าไปห้องน้ำ ยังมีลมพัดมาเสริมด้วย(มาทำไม ไม่ต้องการ) ยิ่งทำให้ตัวสั่น อากาศยิ่งเย็นลงเข้าไปอีก(หนาวเว้ย) 

เห็นนักท่องเที่ยวฝรั่ง อยู่กลุ่มหนึ่งครับ คงมารถส่วนตัวกัน เดาว่าคงคุยกันอยู่และอาจจะไม่เข้าไปด้านในก็ได้(ดูจากด้านนอกแทน) พี่แอนบอกว่า ค่าตั๋วที่นี่แพง นักท่องเที่ยวบางคนก็อาจจะเลือกดูจากด้านนอกเฉยๆ

 

ก่อนเข้าไปด้านในแวะดื่มชากาแฟ ที่ร้านด้านนอกหน่อยดีกว่า ก็ต้องกินของร้อน(ก็แน่นอนซิ อากาศเย็นแบบนี้ ใครจะกินใส่น้ำแข็ง หายใจยังเป็นไอ 555)

ว่าแต่พนักงานสาวประจำร้าน ผมบลอนด์ชาวยุโรปคนนี้ น่ารักน่ะ ทำผมม้าซะด้วย เดาว่าคงเป็นคนอังกฤษในเมืองนี้ละมั้ง แม้ชาแก้วนี้จะร้อนจน(ลวกปาก) แต่ก็คุ้มค่า สำหรับการมาเจอสาวเจ้าถิ่นนะ 555

ดื่มยังไม่ถึงครึ่งเลย(ร้อน) ก็ต้องเข้าไปด้านในแล้วครับ ทางร้านให้ฝากแก้วที่ยังดื่มไม่หมด ตรงนี้ได้ ออกมาด้านนอกค่อยกลับมาดื่มต่อนะ

 

ต้องเข้าไปพร้อมๆกัน คุณแอนบอกว่า ห้ามถือน้ำเข้ามาด้านใน และจะมี Audio ให้ฟัง(ใส่หูฟัง) ตามจุด เป็นภาษาอังกฤษ หากใครอยากจะทราบประวัติของที่นี่( ซึ่งคุณแอนจ่ายค่าเช่าไปแล้ว)

ตัวเลข 1 ที่พื้น ก็กดหมายเลข 1 ที่เครื่อง Audio พอใช้เสร็จ ก็คืนที่บริเวณทางออก โดยจะมีเซนเซอร์เตือน(หากคิดจะจะหยิบออกไป)

 

กองหินปริศนา - สิ่งมหัศจรรย์ของโลก!!!


ดู ใหญ่โตและอลังการ มากครับ สำหรับสโตนเฮนจ์ มีอายุ 3,500-4,500 ปี เรียกว่าเก่าแก่มาก ลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่มาวางเรียงกัน พูดถึงกองหินแบบสโตนเฮนจ์(Stonehenge) มีหลายสิบกอง ที่เวลล์ก็มี แต่ที่นี่สมบูรณ์ที่สุด เลยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชม

 

ยังคงมีข้อถกเถียงว่า ใครเป็นคนสร้างขึ้นมา แล้วสร้างมาเพื่ออะไร บางคนบอกเป็นฐาน UFO บางคนบอกคนสมัยก่อน(บรรพบุรุษ) เช่น ไวกิ้ง , พวกแองโกลแซกซอน หรือกลุ่มคนที่นับถือศาสนาต่างๆ เป็นคนสร้างขึ้น 

บางคนก็ว่า น่าจะมาจากพวกยุโรปตะวันออก นับถือผีสาง คงจะเป็นคนมีอำนาจมากๆสั่งให้ทำ เพราะสมัยก่อนไม่มีเครน ต้องใช้แรงคนยกขึ้น ถิ่นกำเนิดของหินนี้ ว่ากันว่ามาจากเวลล์ ไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกครับ ใช้เวลานานมาก กว่าจะสร้างเสร็จ

 

(ลองคิดดูนะครับ ว่าก้อนหินบางก้อนมีน้ำหนัก 45 ตัน) จะต้องใช้วันและเวลานานแค่ไหน

 

ในสมัยก่อนแถบนี้เป็นป่าลึก คนสมัยนั้นก็ เรร่อน ก็เลยไม่มีจารึกไว้ ว่าใครเป็นคนสร้าง เกิดโรคระบาด คนใหม่ๆเข้ามา อาจจะสร้างทำ พิธี อะไร เช่น การเกิด ก็เป็นตำนาน ว่ากันไป 

 

ก็เลยกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก(ละมั้ง)

จะมีหินเล็กๆ รูปเกือกม้า ด้วยครับ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร

 

เราดูได้แค่รอบนอกนะครับ(ประมาณ 3- 5 เมตร จากกองหิน) จะเข้าไปจับหิน ลูบหิน น่ะ ไม่ได้ เพราะเขาสร้างแนวรั้วไว้ (สมัยก่อนคงมีคนมือบอนครับ เช่น มาถึงแล้ว , รักเธอนะ , กูว่าแล้ว ว่ามึงต้องอ่าน เป็นต้น 555(คงจะเป็นภาษาอังกฤษละครับ) ถ้าเข้ามาละก็ จะมีเจ้าหน้าที่เชิญออกในทันที(มีลูกทัวร์ เคยโดนมาแล้ว พี่แอนบอกไว้ครับ)

 

ระหว่างนี้เราก็ถ่ายรูปกันไปครับ ถ่ายเดี่ยว ถ่ายคู่ ถ่ายรูปรวม หรือจะเป็น Action แบบกระโดด(จากเจน)

ขอถ่ายกับเจ้าหน้าที่สาว ที่คุมตรงนี้ซะหน่อย สาวผมบลอนด์นี่ ดวงตาสวยจริงๆ

บริเวณทางออก เกือบลืมคืน เครื่อง Audio เอามาให้เจ้าหน้าที่แล้วยิ้ม

 

ชื่นชม ความสวยงาม(สโตนเฮนจ์) เสร็จเรียบร้อย มาดูที่ร้านขายของที่ระลึก(อุ่นดีจัง มี Heater นี่นา) มีทั้งเสื้อ แม่เหล็กติดตู้เย็น พวงกุญแจ และสิ่งอื่นๆ ที่พอจะทำเป็นของที่ระลึกได้

 

สำหรับสโตนเฮนจ์ บ้างก็ว่าไม่ค่อยมีอะไร แต่สำหรับทัวร์ยังไงต้องขาย ไม่งั้นจะขายไม่ออก(คนที่ยังไม่เคยมา ก็ลองมาซักครั้งแล้วกันครับ สำหรับผมถ้ามีโอกาสก็อยากมาเห็นซักครั้งอยู่ดีแหละ )

 

ถ้าอากาศดีกว่านี้ ไม่มีฝน มีแดด ฟ้าสีฟ้า คงจะถ่ายรูปได้สนุกกว่านี้(คงจะไม่ค่อยมีอากาศเช่นว่านั้นนัก ในอังกฤษนะ 555) 

มาดื่มชาให้หมด(ยังร้อนอยู่ดี) ถ่ายรูปบรรยากาศรอบนอกอีกหน่อย

เอาละ คุณลุงนิค(KFC)สตาร์ทเครื่องรอแล้ว พี่แอนก็ดูลูกทัวร์ให้ครบ 

เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปครับ