Wednesday, April 18, 2012

Lembeh Strait...มหัศจรรย์แห่ง Muck Dive(3)

มุ่งหน้าสู่เมือง Bitung


จากสนามบินมานาโด(Manado) เราต้องนั่งรถไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง กว่าจะถึงเมือง Bitung ครับ ผมนั่งด้านหน้า ข้างๆพี่คนขับชาวอินโดนีเซีย ส่วน พี่ยากับพี่ตุลย์ นั่งด้านหลัง

ถามอะไร แกก็ทำท่างงๆ เหมือนกับว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้อย่างงั้นแหละ ก็ไม่เป็นไร นั่งไปเรื่อยๆก่อน สำหรับถนนหนทาง ก็เหมือนตามชนบทของบ้านเรา เป็นถนนเล็กๆ มีแค่ 2 เลน เท่านั้น (ให้รถวิ่งทางไปและทางกลับ) เวลาขับก็ต้องระมัดระวังให้ดีๆ ว่ามีรถสวนมาด้านหน้าหรือไม่


บีบแตรหาเรื่อง?


นั่งคุยกับพี่ยาและพี่ตุลย์ 2 สาวนี่ ดำน้ำกันบ่อยครับ ไปมาหลายที่แล้ว ทั้ง Malapascua , Maldives , Bali , Palau(Micronesia) เป็นต้น พี่ยา บอกว่า ชอบดำน้ำที่อินโดนีเซียมาก มีความรู้สึกว่า คนท้องถิ่นของที่นี่ อัธยาศัยดี ยิ้มง่าย และแน่นอนว่าก็ไปกับเพื่อนซี้อย่างพี่ตุลย์ค่อนข้างบ่อย

ระหว่างทางเราจะเห็นคนขับ บีบแตรรถยนต์เสียงดังหลายครั้งเพื่อให้รถด้านหน้าหลีกทาง บ่อยมาก เหมือนว่าไปโกรธใครมา ผมสังเกตว่า คนโดนบีบก็ไม่ได้หันมามองแบบอาฆาตแค้นหรือทำท่าทางจะมีเรื่องแต่อย่างใด ถ้าเป็นประเทศเราอย่างน้อยๆก็ต้องมีมองหน้ากันบ้าง ล่ะ จึงนึกสงสัยว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ได้ความว่า อาจจะเป็นกฎหมายในประเทศของเขาครับ ที่มีกฎ ระเบียบให้ทำแบบนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ เอง และคนอื่นๆด้วย

คนขับแวะซื้อของริมทางครับ เราเลยถือโอกาสลงไปด้วย เพิงขายของเล็กๆ ของชาวบ้านท้องถิ่นชาวอินโดนีเซีย มีผลไม้ มีน้ำ มีขนม ไว้บริการ ผมช่วยพี่ยากับพี่ตุลย์ ถือน้ำด้วย สบตากับสาวท้องถิ่นเล็กน้อย เธอคงสงสัยว่าผมเป็นชาวอินโดนีเซียหรือเปล่าละมั้ง เพราะผิวคล้ำเหลือเกิน 555 แต่ก็ได้เห็น รอยยิ้มของชาวท้องถิ่น แม้จะสื่อสารกันไม่ได้ก็เถอะ

ปรับเวลาก่อน ผมจะใช้เวลาของเมือง จาการ์ตา(เท่ากับเมืองไทย) ที่ตั้งไว้อยู่แล้วไม่ได้ เพราะประเทศอินโดนีเซียเวลาในแต่ละเมืองนั้นไม่เท่ากัน อย่างตอนนี้ ก็ต้องตั้งให้เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมงนะ

รถยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ สังเกตว่ามีรถวิ่งในถนนค่อนข้างน้อย อาจจะเป็นทางลัดละมั้ง กลางคืนคงจะเปลี่ยวและเงียบน่าดูล่ะ ว่าแต่เมื่อไรจะถึงเนี่ย ช่างดูยาวนานซะเหลือเกิน


ถึงเมือง Bitung และ หลงทาง!


เมืองนี้ ดูได้บรรยากาศชนบทๆดีครับ มีบ้านเล็กๆ มีร้านขายของชำ มีร้านขายโทรศัพท์มือถือ ส่วนห้างสรรพสินค้า เท่าที่เห็นก็ไม่น่าจะมีนะครับ

ว่าแล้วเชียว มันน่าจะถึงแล้วไม่ใช่เหรอเนี่ย ก็นี่ไงป้ายเมือง Bitung พี่คนขับชาวอินโดนีเซีย เหมือนจะเคยขับมาส่งเป็นครั้งแรก ทำท่างงๆ เราก็บอกว่า Resort ของเรา ชื่อ Bastianos นะ

วนไปวนมา ไม่ใช่ล่ะ! พี่ยาลองต่อโทรศัพท์ให้เขาคุยกับเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ท คุยกันภาษาท้องถิ่น ผมฟังรู้เรื่องแต่ Bastianos Bastianos แต่พอเขาคุยจบก็น่าจะไปในทางที่ดีขึ้นนะ

สรุปก็ยังไม่รู้ อยู่ดีครับ 555 ยังต้องถามทางคนแถวนั้น แล้วดูคนแถวนั้นก็ไม่รู้จักซะด้วย สำหรับรีสอร์ทนี้ว่าอยู่ที่ไหน เอาละซิ แล้วทำไงต่อดี



พี่คนขับพามายังจุดที่คล้ายๆท่าเรือ ดับเครื่อง แล้วลงไปถามทางก่อน แล้วก็เว้าภาษาท้องถิ่น ฟังออกแต่ Bastianos Bastianos เหมือนเดิม แต่ดูทรงแล้วก็น่าจะใช่นะ เพราะจะไป Bastianos มันน่าจะต้องนั่งเรือข้ามไป คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็เหมือนนักท่องเที่ยว เหมือนนักดำน้ำอยู่ ก็หลายคน



ท่าเรือ เมือง Bitung – จะเป็นลม!


ฟ้ามืด(เฉพาะผมคนเดียว) มึนๆหัวมากครับ ไม่ใช่ฝนจะตก แต่เป็นอาการที่ทานข้าวได้น้อยเนื่องมาจากท้องเสีย อ่อนเพลียจากเดินทาง พักผ่อนไม่เพียงพอ หนาวเพราะกำลังเป็นไข้ จะว่าไปผมไม่ค่อยป่วยหรอก นานๆครั้งเลย แต่ก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์นี่นะ

นั่งพักก่อน ค่อยยังชั่ว จุดนี้เป็นท่าเรือ ก็เลยมีปลาสดๆ ตกอยู่ตามพื้น ให้เห็น ถ่ายรูปให้พี่ตุลย์กับพี่ยา ซะหน่อย ทำนองว่า แย่แล้ว เรากำลังหลงทาง Lost in Indonesia 555



ซักพักรถของ Bastianos Resort and Diving Center ก็มาถึง เป็นรถที่กลุ่มมนุษย์กบไทยนั่งกันมาครับ อ้าวพึ่งมาถึงเหรอเนี่ย

“เขาแวะในตลาด ให้ซื้อของน่ะ มาถึงนานแล้วเหรอ” พี่แดงถาม

“หลงซิครับพี่” โชคดีว่า รถของพวกพี่มาพอดี แสดงว่ามาถูกทางแล้ว 555

พี่คนขับก็ยิ้มใหญ่ แบบว่า ไม่หลงแล้วเว้ย เอากระเป๋าลงมา ยืนรอเพื่อจะขึ้นเรือ ข้ามฝั่งครับ



ทรายสีดำ ที่ซ่อนรูป?


ระหว่างรอพนักงานของรีสอร์ทขนกระเป๋าขึ้นเรือ ผมมองลงไปในน้ำ ช่างแปลกตาจริงๆเพราะทรายสีดำครับ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เหมือนมีขยะด้วยแหละ แล้วพรุ่งนี้จะมีอะไรให้ดูละเนี่ย 555(ในขณะนี้ ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไร แม้จริงๆก็รู้ว่ามันมีดีแหละ มีมากด้วย)

ในทรายสีดำนั้น น้ำใสมาก ใสจนเห็น ปลา ลักษณะเหมือนปลาปากขลุ่ย อยู่หลายตัว Lembeh มันต้องมีดีอย่างแน่นอน ไม่งั้นนักดำน้ำก็จะไม่มากัน แล้วการเดินทางที่ทรหด หลายต่อ ทั้งๆที่เป็นประเทศในแถบอาเซียนเท่านั้น แต่ใช้ระยะเวลาเดินทางนาน กว่าจะถึงจุดหมาย ในส่วนลึกๆ ผมก็มีความเชื่อครับและมั่นใจว่ามันคุ้มค่าที่เดินทางมาแน่ๆ



ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงที่พักแล้วครับ ด้านหน้า คือ Bastianos Diving Resort แห่งช่องแคบ Lembeh ลักษณะมีหลังคาสีเขียว บ้านพักแต่ละหลัง ปลูกบนเขาขึ้นไปก็มี นี่ก็ใกล้พลบค่ำแล้ว ช่างเป็นการเดินทางมาดำน้ำที่แสนยาวนานของผมอีกทริปเลยล่ะ



Welcome to Bastianos Diving Resort!


มีน้ำส้มคอยบริการ Diver ทุกคน แต่ผมสละสิทธิครับ ท้องไม่ดีอยู่ อย่าพึ่งดีกว่า ดื่มน้ำเปล่าแทนก่อนก็แล้วกัน



พนักงานสาวของ Bastianos Brief ให้ฟังเป็นภาษาอังกฤษ ฟังทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แต่ก็พูดเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกของรีสอร์ทแห่งนี้ ตลอดจน กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ นอกจากนี้ เธอก็ยังแจกเข็มกลัดของรีสอร์ทให้กับเราทุกคนด้วย สำหรับติดตามกระเป๋าหรืออุปกรณ์ละมั้ง

ผมกรอกแบบฟอร์มสำหรับนักดำน้ำ เกี่ยวกับข้อมูลที่ว่า ดำมามาทั้งหมดกี่ครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อไร ตลอดจนเงื่อนไขต่างๆ ที่นักดำน้ำต้องกรอกทุกๆครั้ง เวลามาดำน้ำยังต่างประเทศ

พี่ยา พี่ตุลย์ และพี่ๆอีกหลายคน เริ่มไปจัดอุปกรณ์ดำน้ำลงตระกร้าแล้ว ทั้ง BCD , Regulator และ Fin เป็นต้น ส่วนผมก็จัดบ้างดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องยุ่งมากนัก (จริงๆ อยากกินยาแล้วนอนเลยครับ แต่เห็นพี่ๆกำลังยุ่งอยู่ เกรงใจน่ะ ก็ใช้เวลาตอนนี้ให้เกิดประโยชน์)

แต่ละคนส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์กันมาเอง ครบเซ็ทกันทั้งนั้น จะมีเพียงผมที่เป็นส่วนน้อย มีแค่หน้ากากกับตีนกบ จึงสอบถามราคาเช่าอุปกรณ์ที่เหลือกับพนักงาน และไปลอง Wet Suit ที่ Dive Shop


My Name is Dodi


คนที่หยิบ Wet Suit ให้ผมลอง ชื่อ Dodi ครับ(ไม่ใช่ฝรั่งนะ ผิวคล้ำๆ เป็นคนอินโดนีเซีย) ผมลองสวมดูแล้ว ค่อนข้างแน่น รู้สึกอึดอัด เลยขอขนาดใหญ่ขึ้นอีก 1 ไซด์ คราวนี้ค่อยสบายขึ้นเยอะ(ตอนแรกว่าจะสวมแค่ Rush Guard เหมือนทริปสิปาดัน แต่ Dodi บอกว่า น้ำที่นี่เย็น ให้ใส่เถอะ ถามใครก็บอกว่าให้เช่าทั้งนั้นเลย เอาก็เอา อย่างกเลยน่า 555)

ลองชุดเรียบร้อย Dodi บอกว่า พรุ่งนี้เจอกัน เหมือนว่า เขาจะเป็น Leader ของผมด้วยนะ



ชาโค และไทลีนอล ก่อนจะสลบเหมือด!


ครูตุ๋ม จัดยาให้ผมครับ บอกว่า ถ้าจะเอาก็มาหยิบตรงนี้ได้เลย พี่ตากับพี่หมอพี บอกว่า เดี๋ยวตื่นมาน่าจะดีขึ้น ผมทานยาและขอตัวขึ้นนอน โดยมีพนักงานของ Bastianos พาไปที่ห้อง ซึ่งอยู่บริเวณชั้นสอง

ที่ห้อง เป็นห้องที่ดูเรียบง่าย อยู่สบาย มีเตียงเดี่ยว 2 เตียง และห้องน้ำ 1 ห้อง แม้จะเป็นเพียงห้องพัดลมก็ตาม

รู้สึกว่าหัวหนักมากครับ ผมไม่มีแรงจะยืนแล้ว จึงล้มตัวนอนและห่มผ้า หลับไปอย่างง่ายดาย


เบจิต้า ฟื้นพลัง!


หากใครเคยดูการ์ตูนยอดนิยมอย่าง ดราก้อนบอล แซด เมื่อได้กินถั่วเซ็นสึ แล้ว พลังจะฟื้นคืนกลับมา เป็นอารมณ์แบบนั้นเลยครับ หลังจากผมทานยาและได้พักผ่อน หลับไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง ตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าดีขึ้นมาก กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมอีกครั้ง

จะว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา หรือการพักผ่อนก็ตาม แต่ลึกๆ ผมเชื่อว่า คุณแม่คงไม่ปล่อยให้ผมป่วยนานแน่ๆ เดินทางมาไกลขนาดนี้ คงอยากให้ผมอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ก่อนดำน้ำ



Dinner หิวมาก !


“นึกว่า จะไม่ออกมากินข้าว ดีขึ้นยัง?” พี่ยา กับพี่ตุลย์ ถาม

“ดีขึ้นแล้วครับพี่ ได้นอนกับทานยาเลยดีขึ้นเยอะเลย”

อาหารเป็นแบบ Buffet ให้ตักครับ มี3- 4 อย่างๆ ผมทานได้มาก อาจเพราะความหิว แต่ก็ลืมไปเหมือนกันว่า ควรจะเริ่มทานของอ่อนๆ ก่อน เดี๋ยวลำไส้จะทำงานหนักเกินไป

ยังไงก็ไม่ทันแล้วครับ พี่ตุลย์เช็คข่าวน้ำท่วมทาง Internet ทำไมของผมต่อ Wifi ไม่ได้ ทั้งๆที่สัญญานก็ถูกต้อง รหัสผ่านก็ถูกต้อง หรือเป็นเพราะมือถือรุ่นเก่าละเนี่ย

อุตส่าห์ Wifi ฟรีแล้วแท้ๆ 555

มีฝรั่งมานั่งคุยด้วย ไปๆมาๆ เลยทราบว่า เขาเป็นเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ ชื่อ Dirk เป็นชาวเยอรมัน ครับ จับใจความได้ว่า มาแนะนำตัว และขอให้ดำน้ำอย่างมีความสุข ขาดเหลืออะไรก็ขอให้บอก


ทานอาหารเสร็จ ผมลองเดินออกไปถาม Dirk ที่กำลังคุมคนงานทำสวนอยู่ Dirk พยายามกดๆโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ได้ครับ เลยบอกว่าให้ลองไปเล่นตรง Front ด้านล่าง เพราะตรงนั้นไม่ต้องใช้ Password ต่อแล้วก็เล่นได้ทันที

ผมลองลงไปเล่นที่ Front ก็ใช้ได้ดี ไชโย! ก็ยังดีที่มีเล่นนะ ส่งข่าวบอกทางบ้านหน่อย

เดินขึ้นมาที่ห้องอาหารอีกครั้ง พี่ยากับพี่ตุลย์ ก็ยังนั่งอยู่อีกซักพัก พอพวกเธอไป ผมก็ไปบ้างดีกว่า วันนี้ควรรีบพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้สดชื่น อย่าชะล่าใจไป ว่าหายดีแล้ว

ไม่งั้นคงหมดสนุกแน่ๆครับ

Monday, April 02, 2012

Lembeh Strait...มหัศจรรย์แห่ง Muck Dive(2)

Diarrhea!!!


มีความรู้สึกว่าท้องเสียครับ มาเป็นอะไรตอนเดินทางเนี่ย ว่าแล้วก็จัดไป 1 รอบ

ยังไม่จบ ปวดท้องเหลือเกิน ไปห้องน้ำอีก รอบที่ 2 เจอพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำ(ขณะนี้ ตีสาม เช้ามืดของวันที่ 21 ต.ค 2555) ถามอะไรไม่รู้ล่ะ พูดเร็วเหลือเกิน ยังยิ้มสู้ ไว้ก่อน

กลับมา พยายามนอนให้หลับ ต้องนอนราบซิ อาการท้องเสียอาจจะดีขึ้น(เอามาจากไหน เนี่ย) ลองเปลี่ยนไปนอนบนเก้าอี้บ้าง ก็หลับได้ชั่วระยะเวลานึง ...........

ห้องน้ำครับ ต้องไปเดี๋ยวนี้เลย ท้องไส้ยังคงปั่นป่วน (รอบที่ 3) ได้ยินเสียงลำไส้เคลื่อนตัวตลอดเวลา รู้สึกเริ่มเพลียๆ น้ำหมดตัวหรือยังเนี่ย ต้องเป็นข้าวผัดกุ้งที่กินตอนเช้าของเมื่อวานแน่ๆ จำได้ว่ากุ้งไม่สดนี่หว่า

กลับมารอบนี้ เริ่มมึนๆหัว ได้หลับไปอีกนิดหน่อย 6 โมงเช้า เอาอีกซักรอบ(รอบที่ 4) อาการปวดท้องก็ยังคงไม่ดีขึ้นครับ ยังปวดอยู่(เริ่มกุมท้อง) ไม่ไหวแล้ว ผมต้องไปหาซื้อยาที่ร้านขายยา ในสนามบินชางฮี ก็คงต้องมีแหละ


21 ต.ค 2555


ร้านอยู่ไหนละเนี่ย ไหนลองถามเจ้าหน้าที่สนามบินดูหน่อย เขาชี้ไปทางนั้น เอ้า เดิน ทำไมรู้สึกว่า สนามบินมันกว้างและร้านขายยาดูไกลจัง

เจอแล้วครับ ร้านขายยา ชื่อ “Guardian” ว่าแต่ผมจะอธิบายให้เภสัชกร ที่ไม่ใช่คนไทย ฟังยังไงล่ะ คำว่า Diarrhea ก็จำได้อยู่ แล้วยาล่ะ แบบไหนถึงจะดีที่สุด นึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้เมืองไทย ประมาณตี 5 โทรหาพี่ชายคนโตที่เป็นหมอดีกว่า ใช้มือถือ เติมเงินแบบ One-2-Call ครับ เติมเงินไว้ตอนมา เผื่อฉุกเฉิน

“เฮ้ย พี่เก่ง ท้องเสียว่ะ จะซื้อยาตัวไหนดี ปวดท้องมาก ถ่ายไปหลายรอบแล้ว”

“ Buscopan นะ กับ Norfloxacin นะ บอกเขา แล้วไปหาพวกน้ำหวานๆ เช่น สไปร์ทกิน”

อุ่นใจหน่อยครับ แม้จะอยู่คนเดียว ไม่มีคนไทยเลย แต่ได้ชื่อยามาล่ะ



Norfloxacin ไม่มี!


บอกเภสัชกรสาว ชาวสิงคโปร์ ว่า ผมท้องเสีย ขอซื้อยาหน่อย เธอบอกว่ามีแค่ Buscopan ครับ แล้วถามคุณหมอสั่งมาใช่ไหม ผมบอกว่าพี่ชายผมเป็นหมอครับ มาซื้อตามที่หมอสั่งนั่นแหละ

จ่ายเงิน เอ้า กี่บาทละเนี่ย เอาเงินดอลลาร์ของแม่ ไปจ่ายก่อนครับ กลัวเขาจะไม่รับเงินอีก 2 สกุลที่ผมแลกมาด้วย(Singapore Dollar ไม่ได้แลกมา กะว่าคงไม่ได้ใช้ซื้ออะไรอยู่แล้ว) จะไปแลกตอนนี้ก็ไม่ไหวล่ะ แต่ถามดูแล้วว่าทางร้าน รับเงิน US Dollar (พ่อให้มา ยามฉุกเฉิน ครับ เป็นเงินของแม่ที่ใช้ล่าสุด ครั้งไปต่างประเทศ) ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับ

หาน้ำหน่อย ด้านบนมีร้านเซเว่น อยู่ นอกจากสไปร์ท ก็ไปหาพวกช็อคโกแลคกินน่าจะดี แล้วค่อยกินยา ก่อนที่จะเป็นลมไปซะก่อน ตอนนี้ก็หน้ามืด มึนๆหัวบ้างแล้ว


เสียใจ เราไม่รับเงิน US Dollar!


เดินถึงร้านแล้ว หยิบของเรียบร้อยเป็นน้ำดื่ม เซเว่นอัพ(7-Up) กับช็อคโกแลคยี่ห้อ “Snickers” ไม่ได้ดูอะไรมาก แค่เอามาเพิ่มน้ำตาลในเลือดหน่อยเถอะ

หยิบมาวางตรงที่ชำระเงินยื่นเงิน US Dollar ให้ พนักงานสาวโพกศีรษะ เธอสั่นหน้าพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ บอกว่า “ ไม่รับเงิน ยูเอส ดอลลาร์ ที่นี่ รับเฉพาะ เงิน Singapore Dollar นะ"

เอาเข้าไป ไม่เป็นไร วางของไว้ก่อน เดี๋ยวผมไปแลกมา ตามนั้น

มึนหัวจริง ร่างกายคงต้องการน้ำตาลมากๆ ไปตรงช่อง Exchange ได้เงิน Singapore Dollar มาจำนวนหนึ่ง

เดินกลับมาที่ร้านใหม่ จ่ายเงินเรียบร้อยจนได้ของมา ไปหาที่นั่งกิน ตรงที่มี Free Wifi เมื่อคืน ตรงร้านกาแฟนี่ล่ะ



เมื่อ Snickers ตกถึงท้อง


แข็งครับ เคี้ยวยากจริงๆ(ก็แน่ละมันแช่เย็นมานี่) แต่หวานดี ก็คงทำให้มีแรงขึ้นมาได้บ้าง อยากจะกินให้หมดโดยเร็วจะได้กินยาน่ะ

จากนั้นก็ต่อ Buscopan ที่ซื้อมา แล้วดื่ม เซเว่นอัพ รู้สึกว่า ทำไมมันเยอะขนาดนี้ ดื่มไม่หมดน่ะ คงได้แค่จิบๆ ทีละนิด(คลื่นไส้) แต่ก็ยังไม่เห็นผลครับ ดีขึ้นเรื่องมีอาหารตกถึงท้อง แต่ก็ยังปวดท้องอยู่นะ

เล่น Internet แจ้งข่าวทางบ้านหน่อย ว่าถึงไหนแล้ว เสร็จก็เดินไปนั่งที่เดิมดีกว่า



กลุ่มนักดำน้ำจาก “มนุษย์กบไทย”


รู้สึกเพลียมากเลย นอกจากจะนอนน้อย(นอนไม่หลับ) ก็เหมือนจะมีไข้แน่นอนแล้ว เห็นคนเริ่มมาต่อแถวที่หน้า Gate ผมยังไม่ไปต่อดีกว่า คนยังมากอยู่

จากคนที่ต่อแถว ก็ดูหมือนคนไทยอยู่หลายคนนะ แต่ผมไม่รู้จักน่ะซิ แต่ดูไปเรื่อยๆ เริ่มมีคนคุ้นๆ ล่ะ ใช่แน่ๆ

“สวัดดีครับ ครูตุ๋ม สวัดดีครับพี่แดง”

“อ้าวภพ มายังไงเนี่ย”

“ไป Lembeh เหมือนกันครับ”

เหมือนใจชื้นๆ มากขึ้นเมื่อพบคนไทย ผมเล่าว่า มาตั้งแต่เมื่อคืน แล้วนอนที่สนามบินนี่แหละ ทริปอันดามันใต้ครั้งแรกของผม ก็ไปกับ มนุษย์กบไทย บนเรือ Scubanet นอกจากครูตุ๋ม กับพี่แดงแล้ว พี่ตา พี่หมอพี หยกกับพี่บิ๊ก ก็เป็นมิตรสหาย ที่ผมเจอบนเรือเช่นกัน(ยกมือไหว้เหมือนพบญาติเลย 555)

“ครูตุ๋มครับ ผมท้องเสียน่ะครับ พอจะมี Norfloxacin ไหม ยาลดไข้ด้วยนะครับ”

“มีชาโคล (Charcoal) ค่ะ ที่เหมือนผงถ่านน่ะ แต่อยู่ในกระเป๋าที่โหลดไปบนเครื่องบิน ไปถึง Resort ค่อยไปเอานะ”

“หรือไปเอาที่พี่ก็ได้นะภพ” พี่ตากับพี่หมอพี บอก

ส่วนพี่ผู้หญิงกับพี่ผอมๆอีกคน ก็ดูเป็นห่วงผม ถามถึงสารทุกข์สุขดิบ ทำให้ดูแล้ว เบิกบานใจขึ้นเยอะ แม้จะยังปวดท้องอยู่ก็ตาม

คนไทยไม่ทิ้งกัน และน้ำใจคนไทยไม่เคยหายไปไหน ครูตุ๋มบอกว่า โชคดีนะ ที่วันนี้ยังไม่ต้องดำน้ำ วันนี้ผมจะได้มีเวลาพักผ่อน พรุ่งนี้ก็คงจะดีขึ้น



Welcome to Silk Air


สายการบินนี้ เป็นสายการบินของประเทศสิงคโปร์เหมือนกัน แต่เครื่องจะเล็กกว่า สำหรับระยะเวลาไปถึงจุดหมายปลายทาง เมืองมานาโด(Manado) ประเทศอินโดนีเซียนั้น ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 40 นาที (โอ้ว นั่งยาวเลย ไกลกว่าครั้งต่อเครื่องไปลง Tawau ทริป Sipadan เสียอีก)

ข้างๆผม เธอชื่อพี่แตงครับ เป็นทันตแพทย์ คุยไป คุยมา เธอก็ไปดำน้ำมาเยอะ รวมทั้ง Maldives และ Palau(Micronesia) ซึ่งเป็นสถานที่ดำน้ำ ที่ผมอยากไปอยู่เหมือนกัน

อาหารวันนี้ ผมทานไม่ลงจริงๆ ไม่ใช่ว่าอาหารไม่อร่อยแต่อาการท้องเสียของผมและเป็นไข้นี่แหละ เลยทานได้แต่ขนมปังกรอบเท่านั้น

ผลไม้ก็ทานไม่ไหวครับ จำได้ว่าถ้าท้องเสียก็อย่าพึ่งรีบกินพวกนี้ พี่คนข้างๆเพื่อนพี่แตงก็ใจดีมาก รับผลไม้ต่อจากผมโดยไม่รังเกียจเลยนะ

ช่างเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก กว่าจะถึงที่หมาย ท้องก็ปวด หนาวก็หนาว พี่ๆทั้ง 2 คงเห็นผมเริ่มปากซีด เลยสอบถามอาการ พี่แตงก็ให้เสื้อผมสวมใส่คลายหนาว แม้จะ Size ต่างกันมากก็ตาม

กัปตันแจ้งว่าเรากำลังจะถึงเมือง Manado แล้วครับ



Welcome to Manado Airport


ก่อนเครื่องลงจอด ผมเห็นทัศนียภาพที่หน้าต่างดูแปลกตา เรากำลังลงบนเกาะสุลาเวสี(Sulawesi)ทางตอนเหนือครับ แถบนี้ก็มีภูเขาไฟเยอะแยะไปหมด เคยได้ยินข่าวภูเขาไฟปะทุ แถวนี้ คนหนีตายกันเลยล่ะ ก็กลัวๆเหมือนกันครับ แต่ความอยากดูสัตว์ทะเล อยากดำน้ำ มันมากกว่านะ

ด้านนอกตัวเครื่องก็ดูโล่งๆ ที่ดูแปลกตาคงเป็นต้นไม้ที่ปลูกรอบๆสนามบินมากกว่า(ออกแนวต้นมะพร้าวนะ) ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เมืองไทยแน่ 555

หลังจากหยิบ Fin กับกระเป๋าลงมาแล้ว ก่อนที่จะไป Immigration ผมต้องไปก่อนครับ มันมาอีกแล้ว


ข้าศึกบุก รอบที่ 5!!!


เข้าห้องน้ำก่อนเลย อาการท้องเสียยังไม่ดีขึ้น ไม่ต้องชั่งน้ำหนักก็พอจะเดาได้ว่าคงจะลดลงไปหลายกิโลอยู่

จากนั้นเดินออกมาทางผู้โดยสารขาเข้า ต่อแถวเพื่อตรวจ Passport การเข้าสู่ประเทศอินโดนีเซีย



Immigration


ต่อแถวนานมาก อะไรมันจะนานขนาดนั้น ของที่ตัวก็หนัก หัวก็หนักนะเว้ย เฮ้ย ว่าแต่คนอื่นก็ช้าเหมือนกันเราครับ ต้องใจเย็นๆเข้าไว้

สังเกตรอบๆ เห็นชาวต่างชาติซึ่งดูส่วนใหญ่จะเป็นนักดำน้ำ อาจมีเดินป่าบ้าง สลับกันไปครับ(อาจจะเป็นรายได้หลักของเมืองนี้เลยก็ได้นะ)

ผมพยายามมองหา ไหนละ 2 สาวที่ Dive Info ส่งมา สงสัยจะขึ้นเครื่องไม่ทันละมั้ง ไม่ก็ยกเลิกทริปนี้แล้วล่ะ

พี่ที่มาในกลุ่มมนุษย์กบไทยคนหนึ่ง ต้องขึ้นไปจ่ายเงินครับ เห็นว่าเพราะเป็น US Passport แต่ถ้าเป็น Thai Passport หรือประเทศในแถบอาเซียนนี้ ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มนะ

ถึงคิวผมซะที ยิ้มแย้มเข้าไว้ ยิ้มสยามครับ มีให้พิมพ์ลายนิ้วมือด้วย ก็ปฎิบัติตามที่เจ้าหน้าที่บอกนั่นแหละ


ขอนั่งก่อน หัวหนักมาก!


เอากระเป๋ามาใส่รถเข็น ผมอยู่กับกลุ่มนักดำน้ำของมนุษย์กบไทย ก็คุยกับพี่แดง พี่ตา หยก พี่บิ๊ก ครูตุ๋ม แล้วก็ขอนั่งพักบนรถเข็นก่อนนี่ละ มึนหัว อาการไข้เริ่มกำเริบแล้ว

โทรบอกพ่อว่าจากการเดินทางตั้งแต่เมื่อคืน ผมพึ่งจะมาถึงเมืองมานาโด ประเทศอินโดนีเซีย ต้องนั่งรถต่อไปอีกจนถึงเมือง Bitung ก่อนจะเข้าที่ Resort (ถึงตอนนี้ โทรศัพท์ที่เติมมาก็ใกล้เงินหมดแล้วครับ)

คนครบแล้ว ออกไปข้างนอกสนามบินดีกว่า 2 สาว นั่น คงจะไม่มาแล้วล่ะ



พี่ยา พี่ตุลย์ 2 สาว ที่ Dive Info ส่งมา


“น้องภพ หรือเปล่าคะ” 2 สาวถาม

“พี่ยา พี่ตุลย์ หรือเปล่าครับ” ผมยกมือไหว้

“ใช่คะ พี่มารอนานแล้วนะเนี่ย 555”

“เจอจนได้ ผมก็นึกว่าพวกพี่ๆจะไม่มาซะแล้ว 555” พี่ยาขึ้นเครื่องมาจากสิงคโปร์ครับ เพราะเธอทำงานที่นั่น ส่วนพี่ตุลย์มาถึงสิงคโปร์กลางดึกเมื่อคืน จากนั้นเข้าเมืองไปพักกับพี่ยา ก่อนจะมาที่นี่ด้วยกัน

ผมลาครูตุ๋มและกลุ่มมนุษย์กบไทยตรงนี้ ก่อนจะไปเจอกันอีกครั้งที่ Bastianos Diving Resort ที่ช่องแคบ Lembeh เมือง Bitung เพราะรถจัดไว้คนละคัน ของทางนั้นเขามาเป็นกลุ่มใหญ่ จะเป็นรถตู้ ของผมมีแค่ 3 คน ก็เป็นรถเก๋ง คุณพี่ชาวอินโดนีเซียคนนี้ จะเป็นคนขับไปส่งครับ (Bastianos จะมีสองที่ มีที่ Bunaken ด้วย เป็นอีกจุดดำน้ำครับ แต่ในทริปนี้ ผมมา Lembeh ก่อน ไว้ในโอกาสต่อๆไปแล้วกันนะ)