Tuesday, January 27, 2009

Panorama =มอแกน ยิบซีแห่งทะเลอันดามัน


หากใครเป็นคนที่ชอบเดินทางไปหมู่เกาะสุรินทร์เป็นประจำแล้ว ย่อมจะต้องรู้จักชาวเลกลุ่มนี้ครับ ชาวเลกลุ่มสุดท้ายที่ยังคงมีประเพณีแบบดั้งเดิม ในฉบับของตนเองอยู่


เมื่อวาน ช่อง 9 พี่ชายเรียกให้ผมเปิดดูครับ พอเจอปุ๊บ คราวนี้ขยับไปไหนไม่ได้เลย(หนังสือเดี๋ยวมาอ่านต่อ พักก่อน)


จำได้ว่า พี่แดง เคยพูดว่า มีรายการพาโนราม่า เป็นสารคดีเกี่ยวกับทะเล ออกอากาศ คืนวันจันทร์ หลังปีใหม่ ผมดูรายชื่อคณะทำงาน มิน่า มี มนุษย์กบไทยด้วย มีพี่วินิจ รังผึ้ง และพี่นัท สุมนเตมีย์ด้วย


ผู้ใหญ่บ้าน นามสกุล “กล้าทะเล” ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทาน เล่าให้ฟังถึง วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป จากที่เคยเดินทาง ระหว่างทะเลไทย-พม่า มีชีวิตอยู่บนเรือกับครอบครัว มีความอิสระเสรี


พอมีการกำหนดเขตแดนน่านน้ำ ก็ทำให้ต้องมาใช้ชีวิตบนเกาะแทน(ฉากที่อ่าวแม่ยาย อ่าวไทรเอน และอ่าวอื่นๆ สวยมากๆครับ)


จากที่เคยจับปลา เมื่อมีการออกกฎหมาย ก็ทำไม่ได้เหมือนเคย มอแกนหลายคน ต้องไปรับจ้างขับเรือให้กับอุทยาน ในขณะที่คนแก่และสตรี บ้างก็ประดิษฐ์งานต่างๆ ไว้ขายนักท่องเที่ยว


เมื่อได้เงิน จึงนำเงินที่ได้ ไปซื้อข้าว หาเลี้ยงชีพ


หลังสึนามิ ชีวิตของชาวมอแกน เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เริ่มมีวัฒนธรรมชาวเมืองเข้ามา เช่น มอแกนบนหาดราไวย จ. ภูเก็ต ที่พูดภาษาปักษ์ใต้ได้แล้ว ในขณะที่เด็กๆชาวมอแกน ก็เริ่มมีโอกาสได้เรียนหนังสือ


ผมยังจำได้ครับ อ. พันธ์ทิพย์ กาญจนจิตรา สายสุนทร อาจารย์สอน กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล บอกผมในชั้นเรียนว่า “ปิดเทอม จะไปหาชาวมอแกน ช่วยเรื่องสัญชาตื” (อยากไปด้วยสุดๆครับ)


อาจารย์ ไป work เรื่องสัญชาติครับ น่าดีใจว่า ปัจจุบัน ชาวมอแกนได้สัญชาติไทยแล้ว
แม้วิถีชีวิตของชาวมอแกนจะเปลี่ยนไป แต่มอแกนบนเกาะสุรินทร์ ยังคงนับถือเทพเจ้าอยู่ ยังคงมีประเพณี ลอยเรือ เพื่อขจัดสิ่งไม่ดีออกไปอยู่


มีการบรรจุ ประเพณีของชาวมอแกนในหนังสือด้วยครับ เด็กๆจะได้ไม่ลืมชาติกำเนิดของตัวเอง


หากใครคิดถึง ชาวมอแกน ไปเยี่ยมเยียนพวกเขาได้นะครับ ซื้อขนมไปฝากเด็กๆ หรือไปช่วยอุดหนุนสินค้าพวกเขาก็ได้


หากได้เห็นประเพณีที่เก่าแก่ นับว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มครับ


หมายเหตุ ภาพจากการไปเกาะสุรินทร์ครั้งล่าสุด เป็นรูปแกะสลัก เทพเจ้าของชาวมอแกนครับ

Tuesday, January 13, 2009

อันดามันใต้….ดินแดนปะการังอ่อน(5)







Dive13 ลอดถ้ำ ถ่ายรูปที่เกาะห้าเหนือ!!!

พี่มนตรีดูเหมือนจะมีปัญหาครับ รู้สึกว่า Mask จะแตก(จากการที่สอบถามเมื่อขึ้นมา) ก็เลยขอขึ้นไปก่อน

ขวามือเป็นผาหินครับ ในขณะที่ทางซ้ายเป็นลานทรายออกไปแนวลึก มองเห็นปลาฉลามเสือดาว(Leopard Shark) นอนหลบอยู่บนพื้นทราย มีนักดำน้ำเข้าไปดูครับ ฉลามขี้รำคาญก็เลยเคลื่อนไหว หาที่นอนตรงจุดอื่นแทน ผมเห็นเขาแล้วที่หินแปดไมล์ เลยอยู่ถ่ายรูปตรงนี้ครับ ไม่ว่ายออกไป

ถ่ายรูปปะการังอ่อน(Soft Coral)และฟองอากาศที่ขึ้นมาจากก้อนหิน ผมลองเปลี่ยนมุมดูบ้าง โดยแหงนหน้าขึ้น ถ่ายรูปปะการังอ่อนโดยมีฉากหลังเป็นผิวน้ำ ก็ดูสวยไปอีกแบบนะ

พี่สมนึกทำสัญญานให้รออยู่ตรงนี้ จากนั้นพอแกกลับมา เราก็ไปกันต่อครับ ตรงนี้มีถ้ำให้ลอดด้วย ต้องค่อยๆเข้าไปทีละคนครับ

พอเข้ามาผมเลือกที่จะอยู่ติดพื้นครับ ป้องกันการชนกับเพื่อนๆที่ลอดเข้ามาต่อ มีปลาเยอะเลยครับ โดยเฉพาะปลาที่ชอบอาศัยอยู่ในที่มืดๆอย่าง Soldierfish ปลาข้าวเม่าน้ำลึก

มองออกไปด้านนอก ถ่ายรูปแล้วสวยดีครับ ออกจากถ้ำหันกลับมาถ่ายก็สวยไปอีกแบบ แหงนหน้าไปด้านบนก็ยอดเยี่ยมดี

ที่หน้าถ้ำ บริเวณทางออก มีฟองน้ำและไฮดรอย์(ถ้าจำโดนจะคันมาก) มีทากเยอะเลยครับ ประมาณสี่ถึงห้าตัว ไม่ต้องแย่งกันถ่ายเลย ดูแล้วคล้ายทากหนามม่วงปลายเหลือง(Flabellina exoptata) มากๆครับ ลำตัวมีสีม่วง ส่วนปลายมีสีส้ม

พอออกมาเหมือนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ครับ มีกองหินขนาดกลาง ว่ายวนได้รอบ มีสัตว์ทะเลเยอะจริงๆ เริ่มจากหมึกยักษ์(Octopus) ผมเห็นพี่บิ๊กถ่ายวีดีโออยู่ครับ เลยดูเฉยๆแล้วไปดีกว่า

มีลูกปลาสินสมุทรครับ เห็นคนมุงกันเยอะ แต่เดาว่าน่าจะเป็นลูกของปลาสินสมุทรจักรพรรดิ์

เจอปักเป้ากล่องเหลือง(Yellow-Box Fish)ครับ จะเรียกให้คนมาดู แต่ท่าจะลำบากเพราะห่างหลายช่วงตัว พยายามถ่ายรูป แต่ถ่ายลำบากครับ หลบเข้าไปในโพรงแล้ว

มาเอาของชัวร์ที่ถ่ายไม่ยากดีกว่า ปลาสิงโต(Common Lionfish) ปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Black Blotched Porcuppinefish) และ ปลาการ์ตูนอินเดียน(Skunk Anemonefish) ปลาโนรี(Longfin Bannerfish) คือ ปลาที่ผมถ่ายครับ

มีฝูงปลาข้างเหลือง ว่ายผ่านไป นี่ก็ปลายไดฟ์ อากาศก็ใกล้ๆหมด มีคนชี้ให้ผมดู Harlequin Ghost Pipefish ครับ ตัวนี้มีสีเหลือง ก็สวยไปอีกแบบ มักเจอของหายากก็ตอนปลายๆไดฟ์นี่แหละ 555

ก่อนขึ้นพี่สมนึกชี้ให้ดูทากที่เกาะแบบตีลังกาบริเวณโพรง ดูแล้วคล้ายChromodoris preciosa แต่สีที่ลำตัวไม่ขาวซิครับ ส่วนขอบก็สีส้ม(อาจเกี่ยวกับโหมดกล้องที่ใช้ครับ สีส้มกับสีเหลือง ใกล้เคียงกันมาก)

ผมให้สัญญานพี่สมนึก หลังทำ Safety Stop ว่าขอขึ้นก่อนนะพี่ อากาศจะหมดแล้ว แกเหมือนจะถามว่าทำครบสามนาทีหรือยัง ผมสื่อสารจนแกรู้เรื่อง โอเคครับ ขึ้นได้เลย

ขึ้นมาท่ามกลางภูเขาหินปูนของเกาะห้าเหนือครับ ยิ่งใหญ่ดี

อาหารเช้ามีข้าวมันไก่และหมูกรอบ ไก่เนื้อนิ่ม น้ำจิ้มอร่อย หมูกรอบทอดจนไม่มีมันติด กรอบทั่วทั้งชิ้น ผมซัดไปสองจานครับ(ไม่บ่อยที่ไดฟ์เช้าๆผมจะกินเยอะครับ แบบว่ากลัวอาเจียนน่ะ)

มีโลมา(Dolphin) ด้วยครับ ทุกคนเฮโลกันไปที่ท้ายเรือ พอโลมาโผล่ขึ้นมาก็มีเสียง เฮ เฮ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นโลมา จากบนเรือด้วย

พึ่งได้คุยกับพี่พัชครับ ทราบว่า เพื่อนของเธอไม่มาดำน้ำ ยกเลิกไปสองที่(อ๋อ นี่เอง) ไม่งั้นผมก็คงไม่ได้มาเหมือนกันนะเนี่ย ถือว่ามีโชคครับ มีโชค

เธอไม่คิดว่าผมมาคนเดียวครับ เพราะเห็นดูคุยได้กับทุกคน(ก็ต้องคุยน่ะครับพี่ ทำความรู้จักใหม่ได้)

มีแมลงปีกแข็งตัวนึง อยู่บนโต๊ะครับ ไม่รู้บินมาจากเกาะไหน แต่ดูจะได้รับความสนใจจากสมาชิกเป็นอย่างมาก เอากล้องมาถ่ายกันใหญ่เลย

เดินมาที่ห้องกัปตันครับ นั่งคุยกับพี่ตู่ พี่อำนาจ พี่สมนึก เฮียหมี ครูจุ๋มและกัปตันวีระ ซักพักก็ถึงเวลาลงไดฟ์ต่อไปครับ

ที่ปิดะนอก จุดดำน้ำในไดฟ์ต่อไป มีเรือของชาวต่างชาติเต็มเลยครับ ตั้งแต่มา ก็เจอวันนี้นี่แหละครับ ที่ดูคนจะเยอะที่สุด(ถ้าสิมิลัน ช่วงปีใหม่ เยอะแทบทุกไดฟ์ครับ 555)

ครูตุ๋ม Brief ให้ฟังว่า จะมีฝูงปลาข้างเหลือง ทากกระโปรงบาน และฉลามเสือดาว ข้อควรระวัง คือ เรือ ครับ

ก่อนลงผมเจ็บบริเวณเหนือหูครับ เลยเลื่อนสายรัดหน้ากากมาอยู่บริเวณเหนือท้ายทอย(ขยับลงมาต่ำเลยล่ะ)



Dive14 ระวัง!!! ใบพัดเรือ!!!!

น้ำเข้าจมูกครับ คงสวมหน้ากากไม่ดี(ไม่น่าเลื่อนเลย) ไม่นานนักตาขวาก็เต็มไปด้วยน้ำ ผมพยายามเคลียร์น้ำออกจากหน้ากาก เหมือนตอนที่ลงที่ลานหินสคูบ้าเน็ต

ลงมาที่ความลึก 23.7 ม ก็ยังเคลียร์ไม่ได้ครับ ผมอยู่นิ่งๆ กับพื้น หายใจเข้า และแหงนหน้าขึ้นเพื่อหายใจออก เคลียร์น้ำออกไป ก็ยังไม่ออกครับ เลยเปิดน้ำเข้ามานิดๆ แล้วทำใหม่

ซวยครับ คราวนี้เข้าสองเบ้าตาเลย(เวรกรรม) ผมมองไม่เห็นอะไรแล้วครับ พยายามเคลียร์น้ำให้ออก มือจับคลำดูเจอก้อนหิน ผมว่า ผมลอยตัวขึ้นนิดนึง ดีกว่านะ

สำเร็จครับ เคลียร์ได้(แต่ข้างเดียว) อย่างน้อยตาซ้ายผมก็มองเห็นล่ะ(ตอนนี้ขึ้นมาที่ระดับสิบกว่าเมตรแล้ว) เรื่องจะตามกลุ่ม คงยากครับ เพราะไม่ได้ดูทิศตอนลงมา ผมว่าผมขึ้นดีกว่านะ ว่าแล้วก็หยิบ Sausage ขึ้นมา

ใส่ลมเยอะไปหน่อยครับ Sausage เลยดึงผมขึ้นสูง เลยต้องปล่อยทิ้งไป คราวนี้จะขึ้นยังไงวะเนี่ย

ทำ Safety Stop ก่อนแล้วกัน พอครบแล้ว ผมฟังเสียงเรือ มองขึ้นไปด้านบน พอทางสะดวกก็เตรียมตัวขึ้น

เรือครับ!!! เรือมาจากไหนก็ไม่รู้ ใบพัดเรือพุ่งฉิวเลยครับ อยู่ห่างจากผม ไม่น่าจะเกิน สี่เมตร ผมตกใจ รีบตีขาไปอีกทาง ลงไปให้ลึกหน่อย โกยแบบไม่คิดชีวิต หัวเกือบแบะแล้วไหมล่ะ

เอ้า ทางสะดวกครับ ยังไงก็ต้องขึ้น ในที่สุดผมก็ขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย

ยังไม่จบแค่นั้นซิครับ ที่ผิวน้ำ มีเรืออยู่หลายลำ ส่วนใหญ่เป็นเรือชาวต่างชาติ มาจากเกาะลันตาก็มี เรือหางยาวก็มี มองเห็นเรือ Scubanet แล้วครับ หันท้ายเรือมาที่ผม แต่อยู่ไกลพอสมควร(ไม่มีใครเห็นแน่ๆ)

ผมยังมีอารมณ์ หันกล้องมาถ่ายรูปตัวเองด้วย(เออ ดูมันทำ 555)

ลองตีขาเข้าเรือครับ แต่ก็ต้องล้มเลิกเพราะน้ำก็พัดมาอีกทาง ยิ่งห่างจากเรือ หยุดตีขาดีกว่า เปล่าประโยชน์

หนึ่งลำก็แล้ว สองลำก็แล้ว เรืออื่นๆก็รับนักดำน้ำขึ้นไป แล้วผมล่ะ จะทำไงให้เรือเห็น จะยกฟินก็น่าจะทำได้ แต่รอก่อนดีกว่า

ปาฎิหารย์ครับ อยู่ๆ เรือ Scubanet ก็ขยับเขยื้อน มีดิงกี้ออกมารับผมด้วย รอดแล้วเรา 555

“ก็เห็นลอยคออยู่ตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมีใครมารับซะที ก็สงสัยอยู่ว่าของเราหรือเปล่า” กัปตันวีระพูด

“ขอบคุณครับ ไม่ได้พี่ๆช่วยกันดู ผมคงได้ลอยคอไปอีกนานแน่ๆ”

ครูจุ๋มคิดว่า เป็นชาวต่างชาติด้วยซ้ำครับ เพราะโผล่กลางดงฝรั่งแบบนั้น ใครจะคิดว่าเป็นผม นี่เป็นเพราะประสบการณ์และความช่ำชองในท้องทะเลของกัปตันวีระและความเก่งกาจของ Staff เลยครับ ที่ช่วยให้ผมขึ้นมาได้ มีกัปตันเก่ง ก็ดีแบบนี้ล่ะครับ มีชัยไปกว่าครึ่ง
พี่Staff นั่งดิงกี้ ออกไปหา Sausage ให้ผมด้วยครับ ผมบอกไม่เป็นไร เพราะคงต้องซื้อใหม่ เรือลำอื่นน่าจะเก็บไปแล้ว ซึ่งก็ไม่มีครับ(เหล็กถ่วงก็ไม่มี ไปไกลแน่ครับ)

“แหม เราก็คุยกับพี่สมนึกนะ หากันให้วุ่น อยู่ๆ น้องฉันหายไปไหน สงสัยตามสาวฝรั่งไปแน่ๆเลย” พี่แดงพูด

“ไม่ใช่อย่างงั้นครับพี่ น้ำเข้าหน้ากาก เลยขึ้นมาก่อน โชคดีพี่กัปตันเห็นครับ” ผมตอบ(จริงๆก็ยังไม่ค่อยได้เห็นบิกินี่เท่าไรเลยครับพี่แดง 555 ลงไปใหม่ได้ไหมเนี่ย )

อาหารกลางวัน มีสปาเก็ตตี้ไส้กรอก ข้าวผัดที่มีเต้าหู้ ส่วน ขนมหวานมีเงาะลอยแก้วครับ

มีโลมา(Dolphin) ขึ้นอีกแล้วครับ คราวนี้เห็นครีบชัดเลย เสียงเฮก็ดังขึ้นอีกแล้ว

ไดฟ์ต่อไป เป็นไดฟ์สุดท้ายแล้ว เราจะลงดำกันที่เกาะดอกไม้ แต่มีคลื่นทำให้เรือวิ่งได้ช้าครับ ครูตุ๋ม Brief ให้ฟังว่า เกาะดอกไม้จะเป็นผาหิน ที่เรียกว่า Wall Dive จะมีปลากบให้ดูด้วย

ทะเลแถบภูเก็ต ผมได้ยินมาจากพี่นกครับ ว่าปลากบเยอะมาก ไหนขอลองดูหน่อยซิ

หางเสือของเรือ เกิดเสียขึ้นมาครับ เลยนั่งดิงกี้ไปลงแทน ผมชุดแรกอยู่แล้ว เอ้า Back Row แล้วไปกันเลย



Dive15 Wall Dive สวยขั้นเทพ / ปลากบแห่งเกาะดอกไม้

ไดฟ์สุดท้าย ผมมักจะดำได้อย่างสบายครับ จะลึกยังไงก็ไม่เป็นไร ไม่ได้นั่งเครื่องกลับอยู่แล้ว ที่เกาะดอกไม้ วิวส่วนใหญ่เป็นผาหินสูงชันครับ ผมว่ายตามพี่สมนึกไป ดูของตามผาไปเรื่อยๆ

มีฝูงปลาเยอะครับ ด้านหน้าผมคือ ฝูงปลาสลิดทะเลแถบ(Java Rabbitfish) จากนั้นผมเจอทากปุ่มที่ชื่อว่า Phyllidia coelestis จะเรียกคนอื่นๆ คนอื่นก็ไปกันแล้วครับ ไปดีกว่า

ในซอกนี้มีทั้งเจ้าปลาข้าวเม่าน้ำลึก(Solidierfish)และปลากระรอกลายแดง (Redcoat)อยู่ในที่เดียวกัน ผมดูจากเกล็ดครับ เป็นการดูที่ง่ายที่สุดเลยล่ะ

กัลปังกา(Sea Fan) กอใหญ่สวยมากครับ มีนักดำน้ำเข้ามาในรูป ยิ่งลงตัว

มีนูดี้สองตัวครับ ผมถ่ายรูปก่อนจะเรียกพี่ๆลงมาดู(ไม่พี่แดงก็พี่อู๊ดแหละครับ) ดูแล้วก็ยังคงเป็น ทากปุ่มที่ชื่อว่า Phyllidia coelestis อยู่ดี
เสียดายครับ ถ่ายได้แต่หางถึงลำตัว ส่วนหัวถ่ายไม่ทัน แต่ได้เห็นเต็มๆตัวแล้วครับ นี่คือ ปลาปักเป้าเล็กจุดฟ้า(Spotted Toby) ปลาปักเป้าขนาดเล็ก ลายสวยไม่เบาเลยล่ะ

พี่สมนึกว่ายน้ำหาของ ผมคิดว่าแกน่าจะหาปลากบครับ เราวกกลับมาอีกทาง สวนกับกลุ่มพี่ตาที่พึ่งจะลงมา

เจอครับ เจอปลากบแล้ว แกเก่งจริงๆ แต่ผมมุดเข้าไปไม่ไหว เพราะคนต่อคิวยาวๆมากๆ แค่ดูก็ยังลำบากเลย ผมลอยตัวอยู่ด้านล่างช่องที่เขาดูปลากบ พบทากปุ่ม(Phyllidiopsis phiphiensis) ลำตัวสีขาวมีแถบสีดำสามแถบ มีจุดสีดำกระจายอยู่รอบ

แต่ใกล้ๆกันนั้น มีปลากบอีกตัวครับ เห็นบอกว่าใหญ่กว่าตัวแรก นัทชี้ให้ผมดู เลยถ่ายมาหนึ่งแชะ แล้วออกมา(มีคนเปิดทางให้ถ่ายครับ ขอบคุณมากๆ) วิเคราะห์ดูแล้ว คือ น่าจะเป็นปลากบครีบจุด(Spotfin Frogfish) ขนาดโตเต็มวัย ตัวนี้มีสีแดงครับ(จุดสีดำ บางทีก็จะมองไม่เห็น) แม้เขาจะหันข้าง แต่ก็มองเห็นตาได้อย่างชัดเจน มีสิ่งปกคลุมบนลำตัวอยู่บ้าง

ผมเรียกพี่ตาลให้มาถ่ายรูป ทากปุ่ม(Phyllidiopsis phiphiensis) ระหว่างรอดูปลากบ เธอทำสัญญานโอเคครับ(แปลว่าเห็นแล้ว)

ต้องไปแล้วครับ ครูจุ๋มบอกก่อนลงมาว่า ให้เวลาไดฟ์นี้สี่สิบนาที เนื่องจากจะต้องมีสมาชิก(รวมทั้งผม) ขึ้นรถทัวร์กรุงกรุงเทพ เดี๋ยวจะตกรถกัน

ผมว่ายตามพี่สมนึกและครูตุ๋มไป มองเห็นผาอีกด้านที่มีแต่ Soft Coral ทั้งผา สวยมากครับ หากผมมีโอกาส การมา Fun Dive ที่ภูเก็ตก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าลองล่ะ

ทำ Safety Stop ไม่ถึงสามนาทีครับ ประมาณสองนาทีกว่า ตัวมันลอยขึ้นน่ะ พี่แดง พี่แอ๊นซ์ พี่ตุ้ม พี่ป้อม ขึ้นดิงกี้ก่อนไปครับ

ผมตีขาเข้าเรือดีกว่า อยู่ไม่ไกลแล้ว

ขึ้นมา รีบอาบน้ำเลยครับ เขาหลีกทางให้คนที่กลับรถทัวร์อาบก่อน ผมรีบจัดของลงกระเป๋า เก็บอุปกรณ์ที่เอามา นำผ้าเปียกใส่ในถุง ไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย(มันยากตอนจัดลงครับ ยัดมั่วๆไม่ได้ซะด้วย อาจจะยัดไม่ลงเอาได้ 555

มีพิซซ่าให้ทานด้วยครับ อร่อยจริงๆ ผมใส่เงินลง Tip Box ซึ่งถือว่า สคูบ้าเน็ตบริการดีมากๆครับ

ผมให้สมาชิกเขียนอีเมล์และเบอร์ติดต่อ เพื่อจะส่งรูปหรือส่งบันทึกการเดินทางที่แสนประทับใจให้เขาและเธอได้อ่านกัน
เดินไปด้านหน้าเรือ ถ่ายรูปกัปตันวีระ เดินกลับมาถ่ายรูปรวมกับสมาชิกทุกคน ก่อนที่จะร่ำลากัน(มีพี่ป้อม พี่ตาล พี่ตุ๋ง พี่แอ๊นซ์ พี่ตุ้ม พี่พัช ที่กลับรถทัวร์ครับ)

หวังว่า คงมีโอกาสที่เราจะได้กลับมาใช้ชีวิตและดำน้ำร่วมกันอีกนะครับ




บทส่งท้าย

สนุกมากๆครับ กับการดำน้ำ Liveaboard ครั้งแรก ที่อันดามันใต้กับมนุษย์กบไทย หลายไดฟ์ไซด์ผมชอบมากๆเลยล่ะ

อันดามันใต้ มีสัตว์ทะเลแปลกๆ ที่ไม่เคยพบเพียบเลย ผมว่าน้ำไม่ขุ่นหรอกครับ สัตว์ทะเลแปลกๆแบบนี้แหละ คือ เสน่ห์ของอันดามันใต้(สวยคนละแบบกับอันดามันเหนือครับ)

คงอีกหลายเดือนกว่าผมจะได้ไปดำน้ำครับ เพราะต้องตั้งใจอ่านหนังสือต่อไปเพื่ออนาคตและยังมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะกลับมาวาดลวดลายให้ท่านผู้อ่านอีกแน่นอน

ขอบคุณครูจุ๋ม หัวเรือใหญ่ของมนุษย์กบไทย หากผมมีโอกาสจะกลับมาดำน้ำกับมนุษย์กบไทยอีก ขนมของครูจุ๋มอร่อยสมคำร่ำลือครับ

ขอบคุณครูตุ๋มที่ช่วยกรุณา Brief ให้ฟังนะครับ ผมชอบให้มีการ Brief แบบนี้ทุกๆไดฟ์

ขอบคุณพี่อำนาจที่ช่วยดูเรื่องอุปกรณ์และถามไถ่อยู่ตลอด

ขอบคุณกัปตันวีระและ พี่Staff แห่งเรือสคูบ้าเน๊ตครับ ที่บริการดีมาโดยตลอด

ขอบคุณ Diver ทุกคน ที่มีมิตรภาพดีๆให้กัน เจอกันใหม่ เมื่อโชคชะตาฟ้าลิขิตอีกครั้ง

และขอบคุณท่านผู้อ่านทุกๆท่านครับ

See You Next Trip!!!!






Phop Payapvipapong

8 Jun 2009

04:20 pm

Monday, January 12, 2009

อันดามันใต้….ดินแดนปะการังอ่อน(4)







Dive 9 น้ำแรง หน้าหงายจนน้ำเข้าหน้ากาก!!!!

ตอนไต่เชือกลงไป น้ำแรงจริงๆครับ แรงจนว่าถ้าไม่จับเชือก ปลิวแน่นอน แรงขนาดที่ว่าทำให้หน้ากากขยับเขยื้อนจนน้ำเข้าหน้ากากไปหนึ่งข้าง ผมต้องปิดตาข้างนึงเลยครับ

เกาะเชือกจนมาถึงด้านล่าง กระแสน้ำเบาลงครับ พี่สมนึกทำสัญญานให้ปล่อยเชือก เพราะเชือกจะหลุดจากเรืออยู่แล้วครับ(แกช่วยจับเชือกอยู่) ในขณะที่ด้านบนก็ยังมีคนเกาะเชือกลงมาอยู่ด้วย

ผมอยู่นิ่งๆ ที่พื้น พยายามเคลียร์น้ำออกจากหน้ากากให้ได้ เพราะการมองเห็นแค่ข้างเดียว ทำให้การมองไม่มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม ในใจก็จะมีแต่ความกังวลด้วยครับ

เคลียร์อยู่ซักพักจน พี่สมนึกหันมาดูว่า เสียงอะไรนะ ดังมากๆ(เสียงเคลียร์หน้ากากของผมเองพี่)

ฉลุยครับ น้ำออกจากหน้ากากจนหมด(นึกว่าจะแย่) คราวนี้ชัดทั้งสองข้างแล้ว ไปกันต่อเลยครับ

มีปะการังอ่อน(Soft Coral) อยู่หลายสีครับ ขึ้นเป็นหย่อมๆ แต่ค่อนข้างเยอะ ผมถ่ายรูปปะการังอ่อนสีขาว สีม่วงและสีขาวอมชมพู

เจอเทอร์โมคลายอีกแล้วครับ มาคราวนี้ผมถูกโฉลกกับเจ้านี่จริงๆ 555


มีปลาสิงโตอยู่สองชนิดที่นี่ คือ ปลาสิงโต(Common Lionfish) และปลาสิงโตครีบจุด(Spotfin Lionfish) มาคราวนี้ผมเจอปลาสิงโตสามชนิดแล้วล่ะ 555


มีอวนขนาดใหญ่ที่นี่ครับ ลักษณะความหนา พอๆกับอวนที่หินเพิง ไม่สามารถใช้มือกระชากออกได้ ผมก็เลยได้แค่ถ่ายรูปไว้ และปล่อยไปก่อนครับ


แป๊บเดียวเหลือผมกับพี่มนตรีแค่สองคน พยายามมองหา Leader ซักพักพี่สมนึกก็เข้ามาตามไปเข้ากลุ่ม(วันนี้ น้ำไม่ถึงกับใสครับ มีตะกอนด้วยล่ะ)


ตรงจุดนี้ พี่สมนึกให้ผมรอนิ่งๆ เพราะเหมือนจะมีอะไรครับ พอตรงนั้นว่างจากการถ่ายรูป แกก็เรียกผมเข้ามาดูบ้าง ตรงนี้มีสัตว์ทะเลอยู่หลายชนิดเลยล่ะ


ขวาสุด ติดก้อนหิน มีหมึกยักษ์(Octopus) อยู่หนึ่งตัว มองเห็นชัดเลยครับ เพราะเขาออกมาจากโพรงค่อนข้างเยอะ ถัดมาซักสิบ ซม มีปลาแมงป่องเกล็ดเล็ก(Tassled Scorpionfish) ด้วย


ถัดจากปลาแมงป่อง มีนูดี้ ประมาณ 4 ตัวครับ อยู่ติดๆกันเลย ลักษณะมีสีดำ มีจุดสีส้ม(ไม่เหมือนของเมื่อวานนะ) ดูแล้วเหมือนทากสองหางจุดแดง(Chelidonura punctata) ที่สุดครับ


ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายเม่นทะเล พี่แดงเรียกให้ผมมาดูทากที่เกาะอยู่บริเวณทางลงของผาเตี๊ยๆ(จะเข้าใจไหมเนี่ย) เอาเป็นว่า เธอตาดีจริงๆครับ ไม่รู้ไปหาทากที่อยู่ตรงนั้นเจอได้ยังไง


ดูแล้วเป็น ทากเปลือยอานม้าสามชั้น(Ceratosoma trilobatum)แม้จะมองไม่เห็นส่วนยาวที่ยืดออกมา แต่ลักษณะลำตัวที่ออกม่วงเข้ม ไม่ใช่ลำตัวสีขาว จึงตัดอีกชนิดที่คล้ายกันออกไปได้เลย


มากันต่อครับ พี่สมนึกให้ผมและทุกคน รอบริเวณนี้ แกไปเรียกพี่ตุ๋งกับพี่ตาลให้ไปดูตรงจุดเมื่อซักครู่ ที่มีนูดี้ หมึกยักษ์ และปลาแมงป่องครับ


ผมใช้เวลาช่วงนี้ ไม่ให้เปล่าประโยชน์ ด้านหน้ามีดอกไม้ทะเลกับปลาการ์ตูนปานดำ(Red Saddleback Anemonefish) พอดี ผมเลยพยายามถ่ายรูปพวกเขาให้ออกมาชัดๆ(แบบถ่ายนีโม เมื่อวานนี้น่ะครับ) ได้เต็มตัวซะที


เห็นพี่แดงทำท่าจะถ่ายเหมือนกันครับ ผมเลิกถ่ายไปแล้ว เลยขยับให้พี่แดงมาอยู่ตรงที่ของผมแทน เพราะถ่ายได้ง่ายกว่าและสวยกว่า(ทำสัญญานบอก ก็เป็นอันรู้กันครับ)


อากาศใกล้ๆหมดแล้วครับ คราวนี้จะหมดแบบเกลี้ยงจริงๆ ทำ Safety Stop เสร็จ อยู่ช้าไม่ได้แล้ว ขึ้นดีกว่า (แม้จะเหลือ 0 แต่ระหว่างตรงนั้น ห่างจากผิวน้ำเพียงไม่กี่เมตร ทำซีซ่าขึ้นจากน้ำได้สบายมากครับ ไม่มีอะไรต้องกลัว)



อาหารเช้ามีต้มเลือดหมู หมูสับ ลูกชิ้นหมู และเครื่องใน ผมเน้นหมูสับและลูกชิ้นหมูครับ(โชคดีที่มี) เพราะเครื่องในผมไม่ทานอยู่แล้วน่ะ(ลูกชิ้นอร่อยดีครับ)


พักประมาณสองชั่วโมง ก็ลงไดฟ์ต่อไปครับ เราจะลงกันที่เกาะสาวังเหมือนเดิมแต่คราวนี้เป็นด้านตะวันตกครับ(เมื่อวานนี้ลงด้านตะวันออก)



Dive 10 Sebae พึ่งเคยเห็น / Honeycomb Moray ก็เช่นกัน!!!

เหมือนเดิมครับ เราเริ่มจากที่ลึกก่อน ซึ่งเป็นปกติของการดำน้ำอยู่แล้ว จึงค่อยกลับไปสู่ที่ตื้น ยังเป็นพื้นทรายด้านนอกแนวปะการังครับ เทอร์โมคลายมา หนาวอีกแล้ว


เจ้าปลาตัวนึง จ้องมองผมเขม็งเลยครับ(เป็นพวกปลาเก๋า) เดี๋ยวก็จับกินหรอกเฮ้ย มีปัญหาหรือไง 55


มีลอบดักปลาของชาวประมง ใหญ่มากครับ เข้าไปนอนได้สบายๆเลย เท่าที่ดู ไม่ได้มีปลาติดอยู่ด้านในนะ


เจอกอดอกไม้ทะเลกับปลาการ์ตูนแล้วครับ(ได้เวลา Landing ถ่ายภาพ) เป็นปลาการ์ตูนอินเดียน(Skunk Anemonefish) คนจะเข้าใจผิดว่าเป็น Pink Anemonefish ซึ่งไม่ใช่เลยครับ


พี่สมนึกชี้ให้ดูปลากระเบนบนพื้นทรายครับ ลำตัวกลบอยู่ใต้ทรายแต่พอมองเห็นเป็นรูปร่าง เห็นดวงตาและหางโผล่ขึ้นมา ดูทรงแล้ว น่าจะเป็น Bluespotted Stingray ถ้าจะชัวร์ต้องเห็นสีที่ลำตัวก่อน แต่อย่าไปยุ่งกับเขาเลยครับ ให้เขานอนไปเถอะ


เจอปลาการ์ตูนอีกชนิดครับ ต้องลงมาถ่ายรูปเลยล่ะ เพราะตั้งแต่ดำน้ำพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก นี่คือ ปลาการ์ตูนสองบั้ง(Sebae Anemonefish) อยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Stichodactyla haddoni


อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นปลาการ์ตูนลายปล้องนะครับ(Clark’s Anemonefish) ตัวนี้หายากกว่านั้น ชอบอยู่บนพื้นทรายนอกแนวปะการัง มีแถบสีขาวเพียงสองแถบพาดขวางลำตัว ลักษณะคล้ายปลาการ์ตูนอานม้าแต่แถบสีขาวที่สองยาวลงมาจนถึงท้องเลยล่ะ


ถัดมาก็พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก มองเผินๆอาจคิดว่าเป็นปลาไหลมอเรย์ม้าลาย(Zebra Moray) จริงๆไม่ใช่ครับ ตัวนี้ชื่อว่า Honeycomb Moray(Leopard Moray) ชื่อไทยจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ปลาไหลมอเรย์ลายเสือดาวแล้วกัน ลายสวยดีครับ เหมือนเสือดาวเลย

อุตส่าห์มาหลบอยู่ด้านนอกแนวปะการัง ลึกขนาดนี้ กลางคืนต้องมีเลื้อยออกมาหาของกินแน่ครับ 555


มาต่อกันที่เจ้านีโม (False Clown Anemonefish) กันครับก็ยังน่ารักไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยล่ะ


ดูที่ Dive Computer อีกสามนาทีผมจะติดดีคอมครับ ขี้เกียจมาแก้ด้วย และชีวิตนี้ ผมจะไม่มีวันติดดีคอมครับ ไม่ฝืนดีกว่า ผมลอยตัวขึ้นสูง จนเวลาในการดำน้ำเพิ่มมากขึ้น(สายตา จ้องมองพี่สมนึกจากด้านบนครับ)


มาเข้าสู่ที่ตื้นแล้วครับ มีปลาปักเป้าลายประหลาดอีกหนึ่งตัว รูปร่างอ้วนป้อม มีจุดสีดำรอบตัว เหมือนลายเสือดาวเลยครับ


และปลาการ์ตูนชนิดที่สี่ ที่ผมเห็นในไดฟ์นี้ คือ ปลาการ์ตูนปานดำ(Red Saddleback Anemonefish) มองเห็นดอกไม้ทะเลสีแดงชัดเจนครับ สีสดเหมือนตัวของเขาเลยล่ะ(มาไดฟ์นี้ ผมเจอปลาการ์ตูนสี่ชนิดเลยครับ ไม่แพ้ดำน้ำแบบสน๊อคเกิ้ลเลยล่ะ)


ปิดท้ายด้วยปะการังอ่อนที่เกาะสาวัง ที่อาศัยอยู่หนาแน่นมาก เต็มก้อนหินและพื้นเลยครับ สุดยอดจริงๆเลยล่ะ

อาหารกลางวันมีผัดไทกุ้งสด ข้าวผัดกุนเชียง ส่วนผลไม้มีมะม่วงสุกครับ


พักประมาณสองชั่วโมงนิดๆ ไดฟ์ต่อไป ครูตุ๋ม Brief ให้ฟังว่า เราจะลงดำน้ำกันที่เกาะประลัย(ไม่ใช่บรรลัยนะครับ 55) นอกจากปะการังอ่อน ก็จะมีนูดี้แปลกๆด้วยครับ มีโกบี้ มีPipefish และอาจเห็น Seamoth ก็ได้ ไปดูกันดีกว่า



Dive 11 ทากน่ารัก ชื่อ ปิกาจู!!!!

ลงมาได้ไม่นาน ที่พื้นทราย พี่สมนึกก็ชี้ให้ดูทากตัวนึงครับ เฮ้ย น่ารักดี นี่มันทากเปลือยปิกาจู(Thecacera sp.)นี่นา


ปิกาจู เป็นนูดี้ที่นักดำน้ำชื่อชอบครับ มีสีขาวเนื้อโปร่งแสง มีจุดสีส้มและสีดำกระจายรอบตัว มองดูแล้วผมนึกถึงขนมเด็กๆที่เคี๊ยวหนุบหนับเลยครับ


ผมเคยได้ยินชื่อปิกาจูครั้งแรก ก็จากพี่โก้ครับ จากนั้นก็พี่เจน ที่ทำท่าเหมือนปิกาจู( เอ้ะ ยังไง) มีคนแซวใน webboard ว่าเหมือนน่ะครับ ส่วนบนเรือ พี่แอ๊นซ์จะชอบและอยากเจอทากปิกาจูมากๆครับ(ทำเสียงเหมือนเด็กๆด้วยว่า เราอยากเจอปิกาจู) สมใจพี่แล้วครับ ไดฟ์นี้


ปิกาจูเป็นทากเฉพาะถิ่น มักจะอยู่บนไบรโอซัวที่เป็นอาหารของเขา


ว่ายต่อไปเจอดอกไม้ทะเลแปลกเลยถ่ายรูปมาครับ และเจอเทอร์โมคลาย(อีกแล้ว)


ด้านหน้ามีทากแปลกๆอีกตัวครับ เปิดหนังสือยังหาชื่อไม่ได้ ในเว็บมีแน่ครับแต่หายากน่าดู ไม่ใช่ว่าเพราะไม่มีนะครับ แต่ผมไม่รู้สกุลของทากตัวนี้น่ะ จะได้หาได้ง่ายกว่านี้(ถ้าผมเรียน มารีน ไซน์ คงช่วยได้เยอะในการหาชื่อครับ)


ลักษณะของทากตัวนี้ ลำตัวมีสีขาว มีจุดสีเหมือนถั่วแดงกระจายอยู่ ขอบมีสีส้ม Rhinophoreและเหงือกมีสีเหมือนจุดที่กระจายบนลำตัว


เจอลูกหมึกกระดอง(Pharoah Cuttelfish) ครับ ถัดจากนั้นก็เจอแม่หมึกกระดอง ส่วนใหญ่มาที่นี่มักเจอหมึกบริเวณพื้นทรายนอกแนวปะการังครับ


จะติดดีคอมอีกแล้วครับ รีบตีขาขึ้นมาดีกว่า พอเข้ามาในที่ตื้น ก็เจอปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Black Blotched Porcupinefish)


ตอนทำ Safety Stop สนุกดีครับ เพราะลอยตามกระแสน้ำ เห็นวิวปะการังอ่อนที่งามหยดย้อย



ขึ้นมาท้องฟ้าดำมืดเลยครับ และแล้วฝนก็ตก คราวนี้ยิ่งหนาวเลยครับ ฮากลิ้งกันทุกคน ผมยังมีอารมณ์สุนทรีย์ ถ่ายรูปบนผิวน้ำขณะฝนตกด้วย

ขึ้นมามีขนมเป็นของว่างจากครูจุ๋มครับ เป็นเค๊กที่มีลักษณะสองชั้น โดยระหว่างชั้นจะมีรสชาดความเค็ม อร่อยมากครับ ครุจุ๋มกลัวว่าจะเค็มไป แต่ผมชอบครับ อร่อยมาก มองดูแล้วขนมพอกับจำนวนคนแน่ๆ ขอต่ออีกชิ้นครับ(ลาภปาก)


เรื่อแล่นมาจอดใกล้ๆเกาะหินซ้อน ผมถ่ายรูปแบบ Wide เพราะคราวก่อนที่มา กล้องเดิมยังไม่มีโหมดนี้ครับ จากนั้นก็เริ่มที่จะเก็บภาพ พี่ Staff ที่เป็นพ่อครัว พี่ตู่ พี่อำนาจ พี่ Staff ที่กำลัง Clean Mask ของ Diver และบรรยากาศที่ชั้นล่างครับ


ขึ้นมาที่ห้องกัปตันวีระ กัปตันหลับพักผ่อนครับ(ตอนเรือแล่นฝ่าคลื่น บางทีทั้งคืน แกก็ไม่ได้นอนนะ ผมว่า) เห็นจอทีวี มีภาพที่ Plat form ขึ้นด้วยครับ ไฮเทคจริงๆ เพื่อความสะดวกในการสื่อสารน่ะ


นี่ก็พึ่ง 17:20 น. แม้จะเป็นไดฟ์ที่สี่ ก็ไม่ถือว่าเป็น Night Dive ครับ เรียกว่าโพล้เพล้เหมือนเดิม ครูตุ๋ม Brief ให้ฟังว่า เราจะลงกันที่เกาะหินซ้อน ให้เตรียมไฟฉายลงไปด้วย เพราะตอนขึ้นมาอาจจะมืด นัทไม่มีไฟฉาย เพราะวันนี้พี่มนตรีลงดำ แต่เห็นบอกว่า ตามๆไปได้ เพราะยังมีแสงพอเห็นครับ


Dive 12 เฝ้าดู ลีลากุ้งเต้น!!!!

เริ่มที่พื้นทรายครับ สิ่งที่ไม่เจอก็ไม่ได้ คือ เทอร์โมคลาย หนาว หนาวและก็หนาว ถ้ามีหญิงสาวมานอนกอดก็คงจะดีไม่น้อย(พี่ที่ทำงานเก่าผมบอกว่า หนาวเนื้อ ต้องห่มเนื้อซิน้อง ถึงจะหายหนาว 555)


ยังไม่ค่อยมีอะไรครับ เลยถ่ายรูปพี่สมนึกกำลังส่องไฟหาของ ถ้าแกเจออะไร แกจะส่องไฟฉายมาที่ผม เป็นสัญญานว่า ช่างกล้องพร้อม


นอกจากฟองน้ำรูปร่างแปลกๆ ด้านหน้าผมน่าจะเป็นบุ้งทะเลครับ สัตว์ทะเลชนิดหนี่ง(ก็ดูเหมือนบุ้งบนบกนี่แหละครับ555)


เจอของเด็ดอีกแล้วครับ ทากเปลือยปิกาจู(Thecacera sp.) จุดสีส้มและจุดสีดำรอบตัว ที่แปลกหน่อยคือ ปลายๆเหงือกจะมีสีดำด้วย น่าจะเป็นอีกรูปแบบนึงครับ


ต่อไปพี่สมนึกชี้ให้ดู กุ้งดอกไม้ทะเลก้ามขาว(Magnificent shrimp) ที่ผมเคยเจอแล้วเมื่อวานนี้ครับ ลืมเล่าให้ฟังว่า บางทีเขาก็เรียกว่ากุ้งเต้นรำ เพราะมักจะส่ายไปมาราวกับว่าเต้นรำ ผมมองดูยังไม่ชัดทีเดียวว่าเต้นครับ แต่กระโดดไปกระโดดมา ถ่ายรูปยากชะมัด นี่ใช่แน่ๆ


ต่อด้วยปูแต่งตัว(Decorate Crab) ทั้งตัวของปูแต่งตัว ตกแต่งไปด้วยสิ่งต่างๆ ทำให้มันพรางตัวได้อย่างดีเยี่ยม ป้องกันภัยที่จะมาถึง และน่าจะช่วยในการล่าเหยื่อด้วยครับ


ลงมาถ่ายรูปนีโม (False Clown Anemonefish) จากนั้นเห็นปลาสลิดหินสามจุด(Three-spot Dascyllus)กับปะการังเขากวาง เลยไปถ่ายใกล้ๆครับ


ปลาปักเป้าหน้าหมา(Blackspotted Puffer) ว่ายผ่านไปอย่างช้า หยุดก่อนเฮีย ขอถ่ายรูปแป๊บ


เข้ามาหาของในแนวปะการังบ้างครับ ผมถ่ายรูป หนอนพู่ฉัตร(Christmas tree worm)สีต่างๆ เริ่มจากสีเหลือง สีขาว สีน้ำเงินและสีแดง ใครตั้งชื่อหนอ เหมือนต้นคริสต์มาสจริงๆครับ


ปิดท้ายด้วยหอยมือเสือ(Giant Clam) ที่จะหุบฝาลงทุกครั้ง ถ้ามีคนเข้าไปใกล้ๆ


ขึ้นมาเมฆดำทะมึน ดูท่าฝนจะตกอีกแล้วล่ะ

กลุ่มของพี่อำนาจเจอ Seamothหรือปลาผีเสื้อกลางคืน ด้วยครับ(โชคดีจริงๆ) ผมดูรูปจากกล้องของเฮียช้วน คราวหน้าผมคงมีโอกาสได้เห็นพวกเขาบ้างนะ


คนรออาบน้ำเยอะมาก ผู้หญิงก็รอเต็มเลย ผมเสียสละมาอาบด้านนอกดีกว่าครับ จะได้เร็วขึ้น เจอพี่บิ๊กกับเฮียหมีด้วย แต่ด้านนอกไม่มีน้ำอุ่นนะครับ อาบไปหนาวไป พอลมพัดมาล่ะก็ บรื้อๆๆๆ


จากนั้น เช็ดกล้อง แล้วถอดHousing ออกมา ก็ขึ้นมาทานข้าวครับ


อาหารเย็นมี ซี่โครงหมูทอด ยอดมะพร้าวผัดผักกับกุ้ง แกงเขียวหวานไก่ ปลาทอด


ใน Living room เปิดหนังเรื่อง The Dark Night และอีกไม่นานเรือจะออกและมีคลื่นลม ใครเมาคลื่นเตรียมตัวทานยาแก้เมาได้เลย(เตรียมตัวเก็บเก้าอี้พลาสติคได้เลยครับเพราะเรือจะโคลงแน่ๆ)


เข้ามาดูหนังครับ ปวดตาเหมือนกัน แต่พยายามดูให้จบ ในขณะที่หลายๆคนค่อยๆออกไป เพราะในเวลานี้ เรือโคลงมาก ต่างคนทำท่าจะอาเจียน เลยรีบหาที่นอนดีกว่า


หนังจบแล้ว มีผม พี่แอ๊นซ์ พี่ตาล ที่ดูจบ แต่ผมก็ไม่ไหวเหมือนกันครับ เริ่มมึน รีบลงไปนอนดีกว่า


3 มกราคม 2552

วันนี้เหลืออีกสามไดฟ์ครับ ก่อนที่จะนั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพ เวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วมาก


ขึ้นมาประกอบกล้องเหมือนเคยครับ ขนมปังทาแยมหนึ่งแผ่น วันนี้ลองรสบลูเบอร์รี่ดูบ้าง


ครูตุ๋ม Brief ให้ฟังว่า ไดฟ์แรกเราจะลงดำกันที่เกาะห้าเหนือ เป็นเกาะที่เล็กลงมารองจากเกาะห้าใหญ่(แต่อยู่ในหมู่เกาะห้าครับ) จะมีถ้ำให้ลอดเข้าไปและทะลุออกมา ภายในอาจเจอปลาที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ชื่อว่า Bull’ s eye fish นอกจากนั้นก็จะมี Leopard Shark sea snake Jawfish Harlequin Ghost Pipefish lionfish เป็นต้น

Sunday, January 11, 2009

อันดามันใต้….ดินแดนปะการังอ่อน(3)







Dive 5 กระเบนปีศาจแห่งหินแปดไมล์!!!!

ด้วยความที่เป็นกองหินใต้น้ำ จึงมีกระแสอยู่บ้าง มองเห็นตะกอนระหว่างกลางน้ำครับ

บนกองหินมีปะการังถ้วยส้ม(Sun Coral) เยอะไปหมด แต่สีจะออกเหลืองแก่ๆ เพราะอยู่ลึกด้วยล่ะครับ พอถ่ายรูปใกล้ๆ จึงเห็นเฉดสีที่แท้จริง มีสีส้มสวยงามมากๆ

“อืม อื้ม” ฟังดูเป็นเสียงออกเสียงใต้น้ำของพี่สมนึก Leader ของผม ชี้ให้ดูสิ่งๆหนึ่ง ห่างจากผิวน้ำประมาณไม่กี่เมตร

“กระเบนปีศาจนี่หว่า” ผมรีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายครับ แต่กว่าจะปรับโหมดอินฟินิตี้ ก็เห็นแต่หลังกระเบนปีศาจไกลๆซะแล้ว โชคดีว่า ภาพก่อนหน้านั้น แม้จะยังบันทึกไม่ทัน แต่อยู่ในหัวผมเรียบร้อยแล้วครับ(รีบดูก่อน กลัวไม่เห็นอีกครับ)

ว่ายต่อไปเรื่อยๆครับ มีฝูงปลามงตาโต(Bigeye Trevally) เยอะมากๆ เป็นกำแพงสีเงิน เห็นแล้วตะลึงครับ ใครบอกว่าเมืองไทยปลาน้อย ผมไม่เชื่อแล้วล่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีฝูงปลามงครีบฟ้า(Bluefin Trevally) แม้จะมีจำนวนที่น้อยกว่าชนิดแรก(ชนิดหลังนี่ ฝูงนึงมีไม่เยอะอยู่แล้วครับ เป็นปกติ)
อ้อมมาอีกด้าน เจอลอบชาวประมงครับ ข้างๆลอบ พี่สมนึกชี้ให้ดูสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง ผมพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกใต้ทะเลซะด้วย

ฉลามเสือดาว(Leopard Shark) นอนนิ่งอยู่ที่พื้นครับ ฉลามเสือดาวเป็นฉลามใจดี กินหอย กุ้ง ปู ปลาหมึกและปลาขนาดเล็กเป็นอาหาร มักจะนอนอยู่นิ่งๆ กับพื้นทราย เรื่องน่าเศร้า คือ พวกเขาเป็นปลาหน้าดิน มักจะติดอวนอยู่เป็นประจำ


ถ่ายได้สามรูป ประกอบกับเริ่มมีคนเข้าไปในระยะปลอดภัยของมัน ฉลามเสือดาวก็ลอยตัวขึ้นสูงและว่ายจากไปครับ


ในซอกหิน พี่สมนึกชี้ให้ดูปลาปักเป้ากล่องเหลือง(Yellow Box Fish) ข้อดีของกล้องคอมแพคเล็กๆ ไม่มีสโตปรุงรัง ใช่ว่าจะไม่มีครับ หากเป็นกล้องที่ใหญ่ เข้าไปติดซอกหินแน่ๆ ผมอาศัยแขนยาว ยืดแขนเข้าไปด้านใน ถ่ายเจ้า Box Fish ได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ


“อืม อื้ม” เสียงพี่สมนึก ชี้ให้ดูกลางน้ำครับ คราวนี้กระเบนปีศาจมาในระดับสายตาครับ แต่แวบเดียว หายไปเลย(ดูทันแต่ถ่ายได้ในระยะที่ใกล้ๆขึ้น) ผมว่าสมชื่อกระเบนปีศาจจริงๆ เพราะจะมาจะไปเหมือนผี ไม่มีผิด และไม่ขี้เล่นเหมือนกระเบนราหู(Manta Ray)


เรามาดูเจ้า Teira Batfish หรือปลาหูช้างครีบยาวดีกว่าครับ มากันหลายตัว แถมไม่กลัวนักดำน้ำเลย ว่ายมาโฉบในระยะใกล้ๆ คุ้นเคยกับคนดีจัง(ถ่ายซะ)


“อืม อื้ม” เสียงพี่สมนึก ชี้อีก คราวนี้ผมไม่พลาดแล้วครับ ผมเอี๊ยวตัวตามกระเบนปีศาจจับภาพในระยะที่ใกล้มากขึ้น จากที่ผมอยู่ในความลึก 17 เมตร มารู้ตัวอีกที ก็ขึ้นมาที่ 12 เมตรแล้ว(ขึ้นเร็วไปก็ไม่ดีครับ)


กระเบนปีศาจ(Devil Ray) ตัวไม่เล็กเลยครับ เท่าโต๊ะตัวใหญ่ๆ ปีกมีสีออกเทาๆ แถมว่ายน้ำเร็วมากๆ กางปีกเหมือนเครื่องร่อนขนาดใหญ่ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เจอกระเบนปีศาจ อาจเป็นโชคชะตาที่ทำให้เรามาเจอกันก็ได้(เริ่ม ลิเก)


กระเบนปีศาจกินแพลงตอนเป็นอาหาร ยิ่งมวลน้ำในหินแปดไมล์ในเวลานี้ พวกเขาชอบแน่ๆครับ

อาหารเช้ามีไข่ดาว ไส้กรอก เบคอน แฮม และสลัดผัก ผมชอบสลัดผักที่มีน้ำราดแสนอร่อยกับไส้กรอก เลยขอเติมซะหน่อยครับ


ขึ้นมานอนบนดาดฟ้าครับ กว้าง เงียบ แถมไม่มีคน แม้จะมีแสงแดด แต่ก็มีร่มเงา ผมใช้ร่มเงานั้นเป็นที่กำบังกาย มีลมเย็นๆพัดมาด้วย จะมีอะไรสุขไปกว่านี้อีกล่ะครับ


กะเวลา ลงมาฟังครูตุ๋ม Brief แต่เป็น Dive Site เดิมครับ ไม่มีปัญหา ว่าแล้วไปลุยกันต่อ



Dive 6 เหล่ามนุษย์ในวังมัจฉา!!!!

เจ็บกรามน่าดูครับ เวลาคาบเร็คกูเลเตอร์นานๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ ด้านล่างมีปลาสินสมุทรวงฟ้า(Bluering Angelfish) ออกมาต้อนรับ


คราวนี้ผมได้มาสังเกตการณ์กับกำแพงสีเงินอีกครั้งครับ ฝูงปลามงตาโต(Bigeye Trevally) มากๆจริง จำได้ว่าเมื่อซักครู่ พี่ป้อมบอกให้ลองถ่ายเป็นวีดีโอดู ปลาเยอะๆแบบนี้จะสวยมาก ผมทำตามนั้นเลยครับ


ปลาทั้งนั้นเลยครับ เป็นหมื่นๆตัว ไม่ซิ อาจมากกว่า ตะลึงมากๆ เห็นแล้วดีใจกับบ้านเราครับ ที่แม้บางจุดปลาจะน้อยลง แต่ก็ยังมีหลายๆที่ที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่นะ


ใกล้ๆ ที่ขอบนอกกองหิน ฝูงปลามงครีบฟ้า(Bluefin Trevally) ก็เข้ามาเหมือนกันครับ ปลากลางน้ำมีหลายชนิดจริงๆ


มาต่อกันที่ Teira Batfish หรือปลาหูช้างครีบยาว แบบวีดีโอ พอดูใกล้ๆแบบนี้ มีชีวิตชีวาจริงๆครับ


ในฝูงปลา Jack มีปลาเรนโบว์รันเนอร์ด้วย(แต่มันไกลเกินไปน่ะ) ยังพอเห็นปลาสากหางเหลือง(Yellow-tail Baracuda) ด้วยครับ(รู้ทันหรอกน่า จะมาหาของกินน่ะซิ 555)


พี่สมนึกทำสัญญานให้ผมว่ายเข้าไปในฝูงปลา แล้วทำท่าทางเหมือนวงกลม ผมไม่เข้าใจหรอกครับ ทราบทีหลังว่า หากว่ายเข้าไปใกล้ๆ ปลาจะแตกกลุ่ม ถ่ายรูปออกมาจะดูสวยงามมาก


ผมเห็นพี่กอลฟ์เห็นว่ายเข้าไปและว่ายกลับมาบ่อยเหลือเกิน แรงเธอดีจริงๆครับ


ก่อนขึ้น เกาะเชือกทำ Safety Stop กลุ่ม(น่าจะเป็นกลุ่มเฮียช้วนนะครับ) บอกว่าเจอ Devil Ray อีกแล้ว แต่อากาศผมจะหมดแล้วครับ มึนๆด้วย ขึ้นดีกว่า


บนผิวน้ำ ไส้กรอกเมื่อซักครู่ออกมาจนได้ครับ พอเป็นพิธี(ผมใจบุญนะครับ อยากให้อาหารปลา 555)

อากาศเริ่มมืดครับ เหมือนฝนใกล้จะตก พอกลุ่มผมขึ้นมา ก็เจอ Devil Ray กันอีกจริงๆ หากอยู่ต่อผมก็เจอครับ เพียงแต่ว่า ผมเอาสุขภาพดีกว่า ไม่ฝืน เอาเท่าที่ได้ ยังไงก็ได้เห็นนะ


เรือค่อยๆเดินทางต่อไปครับ อาหารกลางวันมี ข้าวคลุกกะปิ เส้นใหญ่ผัดซีอิ้ว ชมพู่ และ เฉาก๊วย


สคูบ้าเน็ตมาจอดอยู่ใกล้ๆเกาะหินงามครับ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะลงไดฟ์ต่อไป ผมอยากขึ้นเกาะหินงามไปสักการะ ขอพรเจ้าพ่อตะรุเตา แต่ดูท่าจะไม่มีใครขึ้นละมั้ง และเขาจะให้ขึ้นไหมเนี่ย


มานั่งคุยกับหยก พี่แอ๋ว พี่ตุ๊ก พี่ตา ซักพักพี่ตาลกับครูตุ๋มจะนั่งดิงกี้ออกไปสอบ Advance กันต่อครับ ผมเลยขอติดดิงกี้ไปลงที่เกาะหินงาม โดยมีเจ้าเฟิร์ส ลูกชายเฮียหมี ไปด้วยครับ


นมัสการเจ้าพ่อตะรุเตา บนเกาะหินงาม

พี่ Staff บอกว่า ประมาณครึ่งชั่วโมงจะมารับครับ ผมถ่ายเกาะหินงามในมุมกว้าง เล่น Function ในกล้องดู เพราะ คราวก่อนถ่ายแบบธรรมดาๆ คราวนี้ลองใช้โหมดอื่นดูบ้าง


หลังจากขอพรท่าน ขอให้ช่วยให้คุณแม่ผมหายป่วย ให้ผมประสบความสำเร็จในการศึกษา และขอให้ท่านคุ้มครองครอบครัวของเราด้วย


มานั่งเรียงหินกันดีกว่าครับ เจ้าเฟิร์สก็นั่งเรียงอยู่ เก่งไม่เบาครับ นับดูเรียงได้สิบก้อน(ต้องใช้ความพยายามและสมาธิอย่างสูง หาหินที่รูปร่างแบนๆ)


นั่งท่องเที่ยวที่มาเรือหางยาวไม่ค่อยเยอะครับ ส่วนใหญ่มาเรือ Speed Boat กัน อาจเป็นไปได้ว่า เรือหางยาวมากันตั้งแต่ตอนสายๆแล้ว(เหมือนครั้งที่ผมมา)


ด้านหน้าผม มีหญิงสาว ผิวขาว รูปร่างดี มากับครอบครัว ยิ้มแย้มแจ่มใส นอนคว่ำถ่ายรูปบนก้อนหิน เมื่อใบหน้าเธอก็สวยงาม หินก็งาม น้ำใจเธอก็งาม(รู้ได้ไง อ่อ ผมเห็นเธอชวนคุณพ่อมาถ่ายรูปด้วยกันอย่างสุภาพน่ะครับ) แล้วเธอมานอนถ่ายใกล้ๆที่ผมนั่งอยู่พอดี แบบนี้ก็ยิ่งงามครับ ผมสามารถยกกล้องขึ้นมาถ่ายแบบไม่เคอะเขิน ประหนึ่งว่าผมกำลังถ่ายวิวน่ะครับ 555


ดิงกี้ Scubanet มารับแล้วครับ ผมเรียกเจ้าเฟิร์ส ถึงเวลาต้องกลับเรือแล้ว ขากลับพี่แกซิ่งน่าดูเลยครับ สนุกจริงๆ 555


พอพี่ตุ๋ง พี่ตาล และครูตุ๋มขึ้นมาแล้ว ครูตุ๋มรีบขึ้นมาวาด Dive Site เลยครับ ไดฟ์ต่อไปเราจะลงดำน้ำกันที่เกาะสาวัง(ด้านตะวันออก) ด้านในแนวปะการังจะมีปะการังอ่อนและปะการังแข็ง ดอกไม้ทะเล แส้ทะเลและปะการังถ้วยส้ม หากออกไปในที่ลึก เวลากลับมาให้ระวังกระแสน้ำด้วย



Dive 7 ถ่ายภาพปลาการ์ตูนส้มขาว!!!!

Clear หูค่อนข้างยากครับ โดยเฉพาะหูซ้ายปวดมากๆ บีบจมูกยังไงก็ไม่ได้ กลืนน้ำลายก็ไม่ได้ผล ผมต้องคงระดับความลึกอยู่ตรงนั้น ตีขาขึ้นมาในระดับที่ตื้นขึ้น เมื่อทำได้จะรู้สึกสบายขึ้น ลงได้แล้วครับ


เริ่มจากระดับความลึกมากๆก่อน แถวนี้เป็นพื้นทรายโล่งๆ นอกแนวปะการังครับ อุณหภูมิของน้ำ 27 องศาเซลเซียส แถมมีเทอร์โมคลาย หนาวมากๆครับ หนาวสั่นเลยล่ะ(กอดอกดีกว่า แต่หน้าชาแล้วจ้า)


ตรงพื้นทรายจะมีสัตว์ทะเลเป็นจุดๆ ซึ่งจุดหนึ่งๆจะห่างกัน เช่น จุดแรกมีปะการังอ่อน จุดต่อไปมีดาวขนนก เป็นต้น


พี่สมนึกส่องไฟฉายมาที่ผม เรียกให้มาดูกุ้งตัวใสๆ ในดอกไม้ทะเลสีดำๆรูปร่างแปลกๆ ผมถ่ายไปสองแชะ จากที่มาเปิดหนังสือ นี่คือกุ้งดอกไม้ทะเลก้ามขาว(Magnificent shrimp) จุดเด่นอยู่ที่แต้มสีขาวกลางหลัง อยู่เป็นคู่ด้วยครับ ท่าจะเป็นสามี-ภริยากันแน่ๆ


เจอปักเป้าอยู่หนึ่งชนิดครับ ดูทรงแล้วเป็นพวกปักเป้าหนัง(พวกเดียวกับปักเป้าหน้าหมา) คือ เวลาตกใจจะพองตัวได้ แต่ไม่มีหนาม ปักเป้าตัวนี้ไม่ได้มีลวดลายน่าค้นหา แต่แปลกครับ เพราะอยู่ในระดับความลึก ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ


มีกอดอกไม้ทะเลกับปลาการ์ตูนส้มขาวเยอะเลยครับ(Sea Anemone and False Clown Anemonefish) การันตีว่าปลอดภัยจากพวกใจบาปแน่นอน เพราะอยู่ในที่ลึก ที่ต้องระวังคือ อวนลากนี่แหละครับ(พี่หมอหมูเคยถามว่า นีโมไปไหนหมด ยังมีอยู่ครับ มาอันดามันใต้เลยพี่)


ผมถามพี่ตาลเมื่อคืนว่า ถ่ายปลาการ์ตูนอย่างไรไม่ให้เบลอ เพราะของเธอถ่ายชัดมากครับ คราวนี้ผมจะลองเรียนรู้ด้วยตัวเองดีกว่า น่าสนุกกว่า


ปริศนาทั้งหมดคลี่คลายครับ วิธีของผมคือ กดล๊อคโฟกัสค้างไว้เลย พอเจ้าของบ้านโผล่มาก็กดชัตเตอร์ทันที ได้ผลดีทีเดียวครับ ผมได้ภาพปลาการ์ตูนในหลายอิริยาบททั้งเต็มตัว หันหน้า หันหลัง มองกล้อง ดูน่ารักมากๆ แม้จะไม่สวยเท่ากล้องขั้นเทพก็ตาม ผมรู้แล้วล่ะครับ ว่าทำไมพี่เอถึงชอบถ่ายปลาการ์ตูน 555


มีหมึกกระดอง(Pharaoh Cuttelfish) ด้วยครับ ตัวนึงผมถ่ายได้แบบอินฟินิตี้ สีแทบจะกลมกลืนกับพื้นทราย ถ่ายเสร็จพี่มนตรีมาถ่ายต่อ รู้สึกว่าหมึกจะตีกรรเชียงหนีไปแล้วครับ


มาเข้าที่ตื้นบริเวณแนวปะการังบ้างดีกว่า ที่สาวัง ปะการังอ่อนก็เยอะไม่เบาครับ ผมไล่ถ่ายตั้งแต่สีขาวนวลเหมือนหิมะ สีม่วงเข้ม สีม่วงอ่อนและสีแดง


ผมตามติดถ่ายรูปปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Black Blotched Porcuppinefish) มองเห็นดวงตาสีดำกลมโต น่ารักจริงๆ


ตรงนี้มีปลาปักเป้ากล่องเหลือง(Yellow Box Fish) ด้วยครับ แต่ถ่ายรูปไว้ไม่ทัน แป๊บเดียวก็เข้าไปในช่องด้านล่าง สุดปัญญาที่จะถ่ายภาพมาได้


นอกจากนีโมแล้ว ผมยังได้เห็นปลาการ์ตูนอีกสองชนิด คือ ปลาการ์ตูนอินเดียน(Skunk Anemonefish) และปลาการ์ตูนปานดำ(Red Saddleback Anemonefish) หรือจะเรียกว่าปลาการ์ตูนมะเขือเทศก็ไม่ผิดกติกา ชนิดหลังนี่อยู่กับดอกไม้ทะเลสีแดง เสียดายว่าเป็นปลายไดฟ์แล้ว ไว้ไดฟ์หน้าจะพยายามใหม่นะครับ


ขึ้นมาบนผิวน้ำ บรรยากาศดีครับ น้ำนิ่งเชียว ผมถ่ายภาพเพื่อนๆพี่ๆนักดำน้ำ และวิวสวยๆบนผิวน้ำของเกาะสาวัง

บนเรือมีของว่างเป็นขนมของครูจุ๋มที่เรียกว่า “มาม่อน” (พี่ตาเป็นคนบอกครับ)ลักษณะคล้ายเค๊กกล้วยหอม มีชีสโรยบนหน้า อร่อยมากครับ ความหวานของขนมบวกกับความเค็มนิดๆจากชีส ช่างผสมผสานอย่างลงตัว(สงสัยดูทีวีแชมป์เปี๊ยนมากไปครับ แต่อร่อยจริงๆนะ มองแล้วทางสะดวก เหลือแน่ๆ ขอซัดอีกชิ้นนะครับครูจุ๋ม)


ถัดจาดมาม่อน ยังมีมะม่วงน้ำปลาหวานครับ ผมชอบรสชาดน้ำปลาหวานนะ หลายๆคนท่าทางจะชอบกันครับ เติมน้ำปลาหวานกันถ้วนน่าทีเดียว


ผมเห็นรูปในกล้องของพี่อู๊ดเมื่อไดฟ์ที่แล้ว สุดยอดครับ แกเจอปลาหายากอย่าง Dragonet ด้วยล่ะ ที่น่าเจ็บใจ คือ พี่อู๊ดบอกว่า อยู่ใกล้ๆกุ้งดอกไม้ทะเลที่ผมถ่ายนั่นแหละ(55555)


เหลือเวลาอีกสองชั่วโมง กว่าจะลง Night Dive ผมมาช่วยครูตุ๋ม หยก นัท พี่แดง ผูกสลากรางวัลบนฝาเพดานเรือ คืนนี้เราจะมีการจับฉลากของขวัญและฉลองปีใหม่บนเรือกันครับ


ไดฟ์ต่อไปเราจะลงดำกันที่อ่าวแอ๊ปเปิ้ลครับ เราสงสัยกันว่า ทำไมชื่อนี้ เพราะบนเกาะมีต้นแอ๊ปเปิ้ลหรือเปล่า พี่ป้อมแกบอกว่า เพราะมีคนทำกางเกงในยี่ห้อแอ๊ปเปิ้ลตกลงไปละมั้ง 555


ไฟฉายไม่ติดอีกแล้วครับ ถ่านหมดก็ไม่น่าจะใช่ วันนี้มืดจริงๆ ไฟฉายเสียทำไงล่ะเนี่ย น่าจะเกี่ยวกับเกลียวซักอย่างที่ไม่เข้าล๊อคครับ ให้พี่ตาลช่วยดูให้ ไฟฉายก็ใช้ได้ครับ


พี่บิ๊กโชว์รูปในเครื่องมืออิเลคทรอนิคเล็กๆ(คล้ายเครื่อง psp) สามารถเปิดดูรูป ดูหนัง แทนคอมพิวเตอร์แบบพกพาได้ มีรูปสาวๆสวยๆ ด้วย ได้รับความสนใจใหญ่เลยครับ 555


พี่สมนึกสอนผมว่า เวลาผมดำน้ำไม่ต้องดำติด Leader มากเกินไป ให้มีระยะของตัวเอง ถึงจะดี ผมเข้าใจและนำไปปรับปรุงทันทีในไดฟ์ต่อไปครับ(ปกติ ใครเคยเป็น Leader ผมจะรู้ครับ ว่าผมเป็นเหมือนเหาฉลาม ลองถามพี่พิชกับพี่ตามดูได้ 555)


หลายๆคนทานข้าวก่อนลงครับ แต่ผมไม่สะดวก ขอถ่ายรูปไว้อย่างเดียว ถ้าขึ้นมาอาหารหมดก็ยังมีมาม่า หรือให้พี่ Staff ทอดไข่ให้ทานได้(เฮ้ย น้องมายด์ เอามาม่าของพวกพี่ๆไปทานทำไม 555 เห็นพี่ตาบอกว่า อยู่บ้านไม่ค่อยได้ทานครับ บนเรือมาม่าถือเป็นของแปลกน่ะ)


อ่าวแอ๊ปเปิ้ล บรรยากาศดีมากครับ น้ำนิ่งๆ ลมเย็นๆ บรรยากาศแบบนี้แหละที่ผมชอบเวลา Night Dive น่าแปลกที่ว่าปกติ Night Dive จะไม่ค่อยมีใครชอบลง แต่ไดฟ์นี้ มีคนลงไปด้านล่างมากกว่าครึ่งครับ แทบจะหมดเรือเลยล่ะ(พี่มนตรีบอกว่า เพื่อสุขภาพขอดำน้าแค่วันละสองไดฟ์ครับ ไดฟ์แรกกับไดฟ์ที่สามของวัน)


ครูตุ๋มบอกว่า หลังจากขึ้นมาแล้ว ครูจุ๋มจะมีของขวัญเล็กๆน้อยๆให้ทุกคน และจะมีจับรางวัลใหญ่ด้วย มา Briefing ดีกว่าครับ ครูตุ๋มบอกว่า จะมีโอกาสได้เจอหอยเขา ทากยักษ์เหงือกข้าง ปูแต่งตัวและกุ้งมังกรด้วย


ไปลุย Night Dive ของแท้กันดีกว่าครับ


Dive 8 ทากยักษ์เหงือกข้าง ทากระดับบิ๊กไซด์!!!

การดำน้ำแบบ Night Dive จะมองเห็นแต่แสงไฟครับ(เขาห้ามเอาไฟส่องหน้า) ส่วนนักดำน้ำก็ต้องจำเอา หากหลงก็ตามคนอื่นไปก็ได้(เขาบอกฉายที่ตัวก็พอ)


ดอกไม้ทะเลรูปร่างเหมือนขนสัตว์ดูแปลกมากเลยครับ ถ่ายซะหน่อย สวยดี
พี่สมนึกชี้ให้ดูปูเสฉวนชนิดหนึ่งครับ ผมกดแชะแล้วก็ถอยฉากออกมา(ไม่ดำติดแกแล้วครับ ต้องมีระยะของตัวเอง)


ด้านหน้าผมมีสัตว์ทะเลคล้ายหนอนตัวแบน ลำตัวมีสีดำ มีจุดสีส้มทั้งตัว รูปร่างเหมือนพรมเช็ดเท้า ก็ดูแปลกดีครับ(ที่ดูว่าเป็นคล้ายหนอนตัวแบนเพราะมองไม่เห็น Rhinophore ไรโนเฟียๆ คือ ส่วนที่ยื่นออกมาน่ะ


ปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Black Blotched Porcuppinefish) ว่ายผ่านไปแม้จะเป็นตัวเดิมๆ แต่ผมก็ไม่เบื่อแม้แต่น้อยครับ


ด้านหน้ามีปลาสิงโตครับ นี่คือ ปลาสิงโตแคระม้าลาย(Zebra Dwarflionfish)ขนาดโตเต็มวัย มีนิสัยขี้อายมากครับ พอผมจะถ่ายรูป เธอก็หลบเข้าไปใต้ซอกหิน มองดูก็รู้ว่าเธอกลัวผมครับ จุดเด่น คือ แถบสีน้ำตาลอ่อนตามรัศมีวงกลม ส่วนของก้านครีบไม่มีจุด ครีบหลัง ครีบหางและครีบก้นมีลายประ(ผมเคยเห็นวัยเด็กที่สิมิลันปีก่อน พี่ตามเป็นคนชี้ให้ดู ตัวเล็กไม่กี่ ซม เองครับ)


เจอหอยเขา(Sponge Snail)แล้วครับ แต่ถ่ายรูปตรงนี้ค่อนข้างยาก โฟกัสไม่ได้ ผลเลยเบลอซะงั้น


พี่สมนึกชี้ให้ดูกุ้งหรือปูนี่แหละครับ แต่ผมไม่ได้เปิดแฟลชที่กล้อง และนี่เป็นจุดพลิกผลันทำให้ผมหลงกับพี่สมนึกและกลุ่มครับ


ยังไม่เชิงหลงคนเดียวครับ เพราะผมยังมีบั๊ดดี้อย่างนัทอยู่(จำไฟฉายได้ครับ เห็นว่ายืมพี่มนตรีมา สว่างน่าดูเลย)


ถึงตอนนี้ มีนักดำน้ำหลายคนครับ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะเจอพี่สมนึก ตามๆคนอื่นไปก่อนแล้วกัน(ตอนแรกว่าจะขึ้นครับ เรือก็อยู่บนหัวนี่เอง)


เท่าที่จำได้ ผมว่ายผ่านพี่บิ๊กกับหยก(กล้องวีดีโอกับ Wetsuit สีเหลือง) และผ่านพี่อู๊ดกับพี่กอลฟ์(พี่กอลฟ์สวม Wet suit สีแดงครับ)


ปะการังลูกโป่งสวยดีครับ อยู่เป็นกระจุกเลย เห็นแล้วอยากกินองุ่นจัง


มีคนชี้ให้ผมถ่ายรูปทากตัวนึงครับ(ใครก็ไม่รู้) นี่คือ ทากขนพู่ลายงู(Bornella anguilla) ขนาดประมาณ 7 ซม ลำตัวมีสีเหลืองอ่อนๆและมีจุดสีแดงกระจาย(เห็นว่าเรียกว่า ลายโมเสกนะครับ) เป็นหนึ่งในทากที่ไม่ธรรมดาครับ หายากเหมือนกัน(พี่ตุ๋งก็บอกเช่นนั้นครับ)


ผมเริ่มจะทราบแล้วครับ ว่าคนที่ชี้ให้ดูเมื่อซักครู่ คือ ใคร มองแล้วลักษณะเป็นผู้หญิง มีกระดานสเล๊ดบอร์ดด้วย ครูตุ๋มครับ ตามครูตุ๋มดีกว่า


ครูตุ๋มชี้ให้ถ่ายหอยเขา ได้ถ่ายหอยเขา แบบเต็มๆซะที คราวนี้ไม่เบลอแล้วครับ


อันนี้ชัดกว่าอันแรกครับ ลำตัวสีดำมีขอบสีส้ม เป็นหนอนตัวแบน(Flat Worm) พันเปอร์เซ็นต์ครับ(ในหนังสือก็มี สีแบบนี้เลย)


สัตว์ทะเลที่ครูตุ๋มชี้ให้ผมดู เป็นทากที่มีขนาดใหญ่มากครับ อาจยาวได้ถึง 25 ซม แน่ะ เรียกว่าทากเหงือกข้างยักษ์(Pleurobranchus grandis)ลำตัวมีสีแดงเลือดหมู ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แปลกดีครับ เหมือนแผ่นอะไรใต้น้ำมากกว่า Rhinophore คือส่วนที่เป็นท่อ ยื่นออกไปมีลักษณะคล้ายงวงช้าง เห็นว่าสามารถปล่อยสารที่คล้ายกรดออกมาได้ด้วยแหละ แต่ถ่ายภาพยากมากๆครับ ต้องให้มือนิ่งๆหน่อยน่ะ


ถัดไปก็ไม่เคยเจอครับ นี่คือ กั้งกระดานเหลืองใหญ่(Sculpture mitten lobster) เจ้านี้มีปุ่มขรุขระทั่วตัว เหมือนท้าวแสนปมเลยครับ ผมเห็นดวงตาของกั้งอย่างชัดเจน กลับมาศึกษาจึงทราบครับ ว่าทำไมเขาหยุดนิ่งเวลาเจอผม จริงๆ เขาบอกว่า ยามมีภัย กั้งจะหยุดนิ่งเพราะมั่นใจในเปลือกที่คลุมร่างกายอยู่ครับ ถ้าหนักกว่านี้ ถึงจะหนีน่ะ(เรียกว่ามีหลายขั้น)


ครูตุ๋มทำสัญญานให้ขึ้นครับ โชคดีจังที่ได้เจออะไรแปลกๆเพียบเลยในไดฟ์นี้ ต้องขอบคุณนัท(ไม่งั้นผมคงจะขึ้นเรือ อดเห็นแน่ๆ) ขอบคุณครูตุ๋ม Leader จำเป็นด้วยครับ

“นี่ ถ่ายรูป ทำไมต้องกดดิฉันไว้ด้วยค่ะ” ครูตุ๋มแซว


“ขอโทษครับ มันไปเอง ไม่ได้ตั้งใจน่ะครับ 555” ต้องเป็น ตอนถ่ายทากเหงือกข้างยักษ์แน่ๆครับ ตอนอยากจะถ่ายรูป คงเผลอไปกดโดนตัวครูตุ๋ม 555


อาหารเย็นมี ผัดผักรวมใส่กุ้งและเห็ด ปลาราดพริก ทอดมัน แกงมัสมั่น(น่าจะใช่นะครับ)


กินไปได้ไม่กี่คำ พิธีเริ่มแล้วครับ ผมขึ้นมาช้าเองน่ะ 555 เอ้าฉลองก่อนครับ


ฉลองปีใหม่ 2552

บนโต๊ะมีของขวัญอยู่หลายกล่อง แต่ละกล่องติดเลขเอาไว้ มีพี่ป้อมเป็นพิธีกร บอกว่า เป็นของขวัญที่ครูจุ๋มเตรียมใว้ให้พวกเราทุกคน ก่อนอื่น อยากให้ทุกคนแนะนำตัว ซึ่งแต่ละคนก็จะบอกชื่อและสถานที่มาว่า มาจากที่ไหน ความสนุกอยู่ที่ บางคนจะมีแถมด้วยว่า เป็นสามี ภริยา ของใคร สร้างเสียงหัวเราะได้ดีครับ ส่วนความน่ารักก็มีครับ เด็กๆจะลากเสียงแบบไร้เดียงสา น่ารักมากครับ เช่น ชื่อสมาทครับ เป็นลูกแม่ หรือ มายด์ค่ะ เป็นลูกแม่ เป็นต้น


แนะนำตัวเสร็จ ต่อไปก็ให้สมาชิกมายืนล้อมวงกัน โดยถามกันว่าใครเกิดเดือนอะไร แล้วยืนเรียงกัน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงธันวาคม ผมจำได้ว่ายืนใกล้ๆกับฮิเดกิเพราะเขาเกิดเดือนเดียวกับผมครับ


ส่วนขั้นตอนการจับ เอาเป็นว่า ใครที่ได้ของขวัญแล้ว ก็ต้องจับให้คนต่อไป(หรือเปล่านะ) สรุปแล้วทุกคนยิ้มแย้ม สนุกสนานกันดีครับ จากภาพที่ปรากฎ เป็นงานฉลองปีใหม่ที่ผมชอบนะ


เท่าที่เห็นและจำได้พี่แดงได้หนังสือวังสระปทุมของสมเด็จพระเทพฯ เจี๊ยบได้หนังสือปลาหมายเลขหนึ่งของอาจารย์ธรณ์ บางคนก็ได้เสื้อ ครูตุ๋มได้ไฟฉายใต้น้ำ ผมจับได้เบอร์หนึ่ง เป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะมีภาพถ่ายสัตว์ทะเลของบริษัทมนุษย์กบไทย ถูกใจมากครับ ผมตั้งใจว่าจะตั้งไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือของผมจะได้มองเห็นทุกวัน(ของขวัญไม่ได้เหมือนกันทุกคน หลากหลายดีออก ผมว่านะ)


จากนั้นให้ทุกคนดึงกระดาษที่ติดอยู่บนเพดานเรือมาหนึ่งชิ้น รางวัลใหญ่จะมีอันเดียวครับ (ถ้าจำไม่ผิดพี่ตุ้มได้ไปนะ) แต่จะเป็นอะไร ผมยังไม่ได้ไปถามเลยครับ 555


งานปีใหม่บนเรือที่ผมได้ไปมานอกจากในวันนี้ มีหลากหลายครับ ทั้งคาราโอเกะบนเรือ แดนซ์กระจาย หรือการดื่มแอลกอฮอล์ เล่นไพ่ นั่งคุยกัน สนุกกันคนละแบบนะ


จากนั้นเราขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เพื่อดูการจุดพลุ เจ้าเฟิรส์ แจกไฟเย็นให้กับทุกคน ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีครับ(ไม่เคยเล่นไอ้นี่มาตั้งนานครับ หลายปีมาแล้ว)


คุยกับพี่สมนึกและนัท(Leader กับ Diver คุยกัน) เริ่มหนาวครับ ลงมาคุยด้านล่างต่อดีกว่า ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่นอนกัน วันนี้พี่มนตรีดื่มไวน์ฉลองครับ แกบอกขอคืนนึง(แกนอนเร็ว ตื่นเร็วครับ นอนก่อนสามทุ่ม ตื่นตีห้าทุกวัน) นอกจากนี้ก็ยังมีเฮียหมีที่นำร่องซัดจอนนี่ไปก่อนแล้วครับ


คุยกับพี่ๆต่อครับ พี่บิ๊กพูดถึงว่า อยากให้ผมไปสิปาดันซักครั้ง เพราะดีมากจริงๆ ก็ได้แต่ยิ้มครับ ฟังอย่างเดียว ยังไงก็คงไปแน่ๆ ซักวันล่ะ(ไม่รีบร้อน)


เริ่มง่วงครับ ไปพักผ่อนกันดีกว่า ดึกแล้ว



2 มกราคม 2552

ตื่นมาประกอบกล้องและHousing เหมือนทุกวันครับ ครูตุ๋ม Brief ให้ฟังว่า ไดฟ์แรกเราจะลงดำกันที่ลานหินสคูบ้าเน็ต(หรือจะเรียกว่า Divemaster Rock ก็ได้) ตอนลงต้องระวังนิดนึงเพราะไม่มีทุ่น แต่จะมีเชือกจากเรือ ค่อยๆสาวลงไป ต้องระวังเพราะมีกระแสน้ำค่อนข้างแรง พอกระโดดลงปุ๊บก็รีบลงไปในทันที สัตว์ทะเลจะมีพวก ปะการังอ่อน ปะการังแข็ง ดอกไม้ทะเล ฟองน้ำ นูดี้ หนอนตัวแบน กุ้ง ปลากล้วย ปลาสลิดหิน ปลาสินสมุทร ปลาสร้อยนกเขา ปลาไหลมอเรย์ ปลาสิงโต เป็นต้น

Saturday, January 10, 2009

อันดามันใต้….ดินแดนปะการังอ่อน(2)







Dive1 เหล่าสรรพสัตว์ที่เกาะห้าใหญ่!!!!

เกือบไม่ลงครับ เลยใช้วิชาปักหัว ดำลงไป ค่อยๆเคลียร์หู จึงลงมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเท่าที่เห็นทัศนวิสัยมองได้ไกล น้ำไม่ได้ขุ่นครับ ออกจะใสด้วยซ้ำ

เริ่มจากลองถ่ายรูปพี่สมนึกดูก่อน จากนั้น สัตว์ทะเลที่ออกมาต้อนรับ คือ ปลาปักเป้าหน้าหมา(Blackspotted Puffer) รอบปากและตาที่มีสีดำคล้ายเขม่า เลยทำให้ดูเหมือนสัตว์เลี้ยงบนบกนั่นเอง

ในแนวปะการังแบบนี้ ย่อมมีปลาผีเสื้อครับ เจ้าปลาผีเสื้ออันดามัน(Andaman Butterflyfish) ตัวสีเหลืองเข้ม มีลายสีดำที่ขอบตาและจุดสีดำที่ส่วนโคนหาง ต่อด้วยปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) ที่มักจะมาเป็นคู่เสมอๆ จัดได้ว่าพบได้บ่อยมาก อีกชนิดพบได้ยากกว่าสองตัวแรก คือ ปลาผีเสื้อลายทแยงครีบดำ(Indian Vagabond Butterflyfish) นอกจากลายทแยงที่เป็นจุดเด่นแล้ว ส่วนที่เป็นสีดำก็จดจำง่ายครับ

ผมเริ่มมองเห็นกัลปังหา(Sea Fan)ในรูปแบบต่างๆ ส่วนใหญ่สีจะกลืนกับน้ำทะเลครับ ทั้งนี้เพราะลงมาในความลึก สีจึงเหลืออยู่ไม่กี่สีเท่านั้น(ต้องใช้แฟลช จึงจะเห็นสีครับ)

ปะการังอ่อนของที่นี่(Soft Coral) สวยงามมากครับ เยอะซะด้วย พอผมถ่ายใกล้ๆ เห็นสีสันชมพูที่สดใส ผมไม่แน่ใจว่า มีปะการังอ่อนพังไปมากแค่ไหน(บ้างก็ว่าเกาะห้าก็โดนครับ) แต่เท่าที่ผมเห็นก็ยังมากอยู่ดีแหละ

มีอยู่จุดหนึ่งที่ต้องมุดถ้ำเข้าไปครับ พอเห็นมืดๆก็ดูน่ากลัว ที่ไหนได้ ไม่มีอะไรเลยครับ มุดแล้วก็เจอทางออกทันที

เหมาะเลยครับ ผมเห็นปลาแมงป่องเกล็ดเล็ก(Tassled Scorpionfish) นอนหลับอย่างสบายบนก้อนหินขนาดกว้างใหญ่ พอมีพื้นที่เยอะ ผมเข้าไปใกล้ๆ ขอถ่ายรูปเขาซะหน่อย ดูท่าทางเขาก็รำคาญเล็กน้อยครับ ว่ายหนี แต่สุดท้ายก็หยุดนิ่ง ผมเลยเข้าไปถ่ายใกล้ๆได้อย่างง่ายดาย

มีปะการังสมองที่มีรูแตกอยู่ครับ ในรูมีโพรงด้วย เห็นหนวดออกมาแบบนี้ ใช่เลยครับ กุ้งมังกร(Lopster) นั่นเอง ซึ่งในเวลากลางวัน กุ้งมังกรก็ยังคงเอกลักษณ์การหลบซ่อนอยู่ในโพรงเหมือนเดิม ผมให้พี่มนตรีเข้าไปถ่ายก่อนครับ แล้วจึงเข้าไปถ่ายบ้าง

เท่าที่ผมลองมองดูเข็มทิศ ตรงกับที่ครูตุ๋ม Brief ให้ฟังเลยครับ แถมเข็มทิศน้ำก็ไม่เข้า ใช้ได้ดีเลยล่ะ ประหยัดเงินไม่ต้องซื้อแล้วครับ

พี่สมนึกทำสัญญานให้ผมรอตรงนี้ แต่ผมยังไม่เข้าใจนัก เลยว่ายตามไป(จริงๆแกว่ายไปหาของน่ะครับ) ผลคือ น้ำมีกระแสขึ้นมาครับ ต้องหาก้อนหินจับไว้จะได้ไม่เปลืองแรง(ในกลุ่มผม อย่างนัทและพี่มนตรี ก็ตามมาด้วย พี่แดงทำสัญญานให้ออกไปจากตรงนี้ครับ)

ช่วงเมื่อซักครู่ ผมเห็นชีวิตในแนวปะการัง มีทั้งปะการังลูกโป่งใหญ่(Rounded Bubble Coral) ปลิงขูด(Bohaddschia graffei)ที่มักจะพบในเขตน้ำใส ตามหมู่เกาะไกลฝั่ง ที่มีคุณภาพน้ำดี ดาวขนนก(Feather Star) ปลาการ์ตูนอินเดียน(Skunk Anemonefish) ปลาการ์ตูนส้มขาว(False Clown Anemonefish) ปลาสลิดหินคอดำ(Indian Dascyllus) ปลาสลิดหินกลมสีทอง(Golden Damsel) ปลาโนรี(Longfin Bannerfish) ปลาผีเสื้อเทวรูป(Moorish Idol) ปลาปากแตร(Trumpetfish) ปลาปากขลุ่ย(Smooth Flutemouth) ปลากะรังแดงจุดน้ำเงิน(Coral Rockcod) ปลาสินสมุทรวงฟ้า(Bluering Angelfish)

และยังมีฝูงปลาอย่างปลาสลิดทะเลแถบ ฝูงปลากล้วยหลังเหลือง และปลากระพงลายพาด(Checkered Snapper)ด้วยครับ(ชนิดหลังนี่ ไม่ค่อยได้เห็นเลยครับ แม้จะมีสีน้ำตาลแต่ก็ดูสวยดี)
ดาวทะเลที่ผมถ่ายรูปมารูปหนึ่ง มองดูเหมือนหญิงสาวนอนเปลือยกายบนก้อนหินอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่มีอาภรณ์ปิดบัง (จะหาว่าผมคิดลึกไม่ได้นะครับ มันเหมือนจริงๆน่ะ ลองดูซิ)

ผมเห็นปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish) กำลังขบกัดปะการังอย่างสบายอารมณ์ อยากจะไปถ่ายใกล้ๆครับ แต่กลัวพี่แกจะอารมณ์ไม่ดี เปลี่ยนจากขบปะการังมาเป็นน่องของผมแทน 5555
ช่วงนี้พี่สมนึกทำสัญญานให้รอตรงนี้ครับ ว่าแล้วแกก็ตีฟินหายไปอย่างรวดเร็ว(แบบนี้ถูกต้องครับ ไม่ต้องตาม) ซักพักใหญ่พี่สมนึกกลับมา พร้อมทำสัญญานให้ผมตามไป

มีคนมุงดูอะไรซักอย่างในโพรงหินเยอะจังครับ แต่ผมขี้เกียจเข้าไปมุงน่ะ รอให้ว่างๆก่อนก็ได้ ใกล้ๆเห็นปลาสิงโต(Common Lionfish) ฉายเดี่ยว ตรงนั้นพื้นที่เปิดโล่ง ให้ผมเข้าไปใกล้ๆ ถ่ายรูปได้อย่างสบายๆ

อากาศใกล้ๆจะหมดแล้วครับ เหลือไม่ถึงสี่สิบ(มาคราวนี้ พี่ป้อมตั้งไดฟ์คอมเตือนให้เสียงดังในเวลา 45 นาที คงกลัวผมดำเพลินละมั้ง แต่ก็ปลอดภัยดีครับ)

ผมว่าจะไม่ดูตรงจุดที่คนมุงดูครับ พี่สมนึกทำสัญญานถามผมว่า เห็นหรือยัง ผมทำท่าว่าไม่เห็น แกเลยชี้ให้เข้าไปดูครับ ทางสะดวกพอดีด้วย เอ้า ดูก็ดู

ไม่เห็นมีอะไรเลย โพรงเปล่าๆ นี่นา ไม่ใช่ครับ ผมเห็นดวงตาของเขาแล้วล่ะ เฮ้ย นี่มันปลากบนี่นา!!

ดูจากในจอ LCD เหมือนแฟลชจะไปคนละทางครับ ปลากบตัวนี้ ตัวเล็กมาก ขนาดประมาณ 5 ซม ผมถ่ายแค่แชะเดียว มีคนมาถ่ายต่อครับ ผมไปดีกว่า

การแยกชนิดปลากบไม่ใช่เรื่องง่ายครับ หากเป็นปลากบที่ตัวเล็ก ยังต้องอาศัยการดูคันเบ็ดและส่วนประกอบอื่นๆอีกด้วย หลังจากการดูชัดๆ นี่ คือ ปลากบครีบจุด(Spotfin Frogfish) ขนาดยังไม่โตเต็มวัย(โตสุดได้ 10 ซม ก็เล็กอยู่ดีแหละ) มองดูผ่านจากสิ่งที่ปกคลุมลำตัวอยู่ ปลากบตัวนี้มีสีชมพูอ่อนครับ

การพบเห็นปลากบชนิดนี้ ในเวลากลางวัน ถือว่าไม่ง่ายครับ(คนหาต้องตาดีมากๆ ขั้นเทพเลยล่ะ) เพราะพวกเขามักจะหลบอยู่ในซอกหิน ไม่ได้ออกมาจากที่ซ่อนเหมือนเวลากลางคืน(ถ้าเป็นปลากบยักษ์ ที่หินหัวกะโหลก ที่ผมเห็นเมื่อปีที่แล้ว ดูและแยกชนิดได้ง่ายกว่า เพราะตัวค่อนข้างใหญ่ด้วย)

อากาศเหลือน้อยครับ มองหาคนแชร์ดีกว่า แต่ไม่ต้องครับ เพราะทำ Safety Stop ครบพอดี

ขึ้นมาผิวน้ำ ไม่มีอาการคลื่นไส้ครับ สบายๆ ผมส่งกล้องให้กับพี่ Staff พี่สมนึกบริการถอดฟินให้ผมด้วย(โห สุดยอด Leader ทำให้ Diver ขนาดนี้เลยเหรอพี่)

ผมเห็นครูจุ๋มยืนเช็คอากาศของนักดำน้ำว่าเหลือเท่าไร(โดยมี Staff ดูอากาศที่เหลือของนักดำน้ำทุกคน) ตอนแรกผมก็สงสัยครับว่า คือ อะไร (ทราบว่าจดเป็นสถิติให้นักดำน้ำเพื่อสะดวกในการจด Log book นั่นเอง)

อาหารเช้า มีข้าวต้มกุ๊ย หมูสับผัดไข่เค็ม(อันนี้อร่อยมาก) ยำปลากรอบ(เหมือนปลาฉิ้งฉ่างน่ะครับ) ผักกาดดองและกุนเชียงทอด

ดูทุกคนเอร็ดอร่อยกับอาหารเช้ากันดีครับ ที่เมื่อวานผมพูดว่าเห็นเด็กบนเรือ(ไม่ใช่ Juon นะ) เด็กๆ เริ่มออกมาทานอาหารแล้วครับ เริ่มจากน้องสมาทและน้องมายด์ เป็นลูกของพี่หมอพีและพี่ตา อีกสองคน คือ น้องเฟินและน้องเฟิร์ส เป็นลูกของพี่ตุ๊กและเฮียหมี

เท่าที่ทราบ มีหนึ่งตระกูล(สองครอบครัว) ที่มาดำน้ำคราวนี้ด้วย(หัวหน้าครอบครัว คือ เฮียช้วนกับเฮียหมี) เรียกว่ามากันที มาเกือบสิบคน ก็นับว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ นอกจากเด็กๆเล็กๆแล้ว ก็เป็นครอบครัวใหญ่มาดำน้ำกัน นับว่า บรรยากาศอบอุ่นดีครับ

ได้รู้จักกับพี่ตุ้มครับ เป็นทันตแพทย์เหมือนกับพี่แอ๊นซ์(ทริปนี้หมอฟันเยอะจัง)
ผมคุยกับพี่มนตรี ทราบว่า พี่มนตรีใช้ชีวิตอยู่ที่แคลิฟอร์เนียร์ สหรัฐอเมริกา นี่เป็นช่วงกลับมาเยี่ยมเมืองไทย ก็เลยถือโอกาสมาดำน้ำครับ

“ตะกี้ๆ อากาศจะหมดเหรอ คราวหน้าแชร์ของพี่ก็ได้นะ ของพี่เหลือเยอะ” พี่กอลฟ์บอก

“ขอบคุณมากเลยครับ เดี๋ยวจะรีบมองหาเลยพี่ 55” (เธอมีน้ำใจดีครับ)

ไดฟ์ต่อไปเราจะลงดำน้ำกันที่หินม่วงครับ หินม่วงเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียง ครูตุ๋ม Brief ให้ฟังว่า ที่นี่มีปะการังอ่อนเยอะมาก แต่หลังจากปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ ก็มีปะการังอ่อนได้ตายลงไป แต่ตอนนี้ได้มีการเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจจะมีโอกาสได้เห็น Manta ray และ Devil Ray ก็เป็นได้

ต้องลงมาแต่งตัวเป็นชุดแรกครับ ผมเห็นครูจุ๋มขยันขันแข็งน่าดู เข้าครัวอบขนม(รูปร่างเหมือนพาย) ใกล้ๆก็มีพี่ Staff ที่เป็นพ่อครัว ทำอาหารอยู่ มาคราวนี้ผมจะได้ทานขนมแห่งตำนานซะที(ได้ยินชื่อเสียงมานานครับ)

ไปครับ เราไปสำรวจใต้ทะเลที่หินม่วงกันนะ



Dive2 เด็กน้อยน่ารักชื่อ Barred Moray!!!

ยิ่งลงไปลึกมาก สีก็เริ่มหายไปครับ ปะการังอ่อนส่วนใหญ่เป็นสกุล Dendronephthya ซึ่งมีมากจริงๆครับ(ขนาดพังไปเยอะนะ) เมื่อถ่ายรูปออกมาจึงเป็นสีม่วงสดใสขึ้น ถ่ายรูปเท่าไรก็ไม่มีเบื่อครับ(สวยจริงๆ)

มีฝูงปลาข้างเหลืองเยอะจริงๆครับ มีอยู่กลุ่มหนึ่งจะเป็นกลุ่มปลากล้วย กลุ่มปลากระพง หรือกลุ่มปลาแพะ ก็ยังไม่ชัดนัก ที่แน่ๆคือที่ผมเห็น มีปลากล้วยหลังเหลือง(Fusilier)

เราเรียกง่ายๆแบบรวมๆว่าข้างเหลือง ครับ(กรณีแยกชนิดไม่ได้) เมื่อมาว่ายผ่านด้านหน้าผมแบบนี้ มันท้าทายกันนี่หว่า

ผมเริ่มใช้ประสบการณ์จากการอ่านหนังสือการถ่ายรูปใต้น้ำของพี่ประสิทธิ จันเสรีกร เพราะปลาว่ายเร็ว บางทีอาจล๊อคโฟกัสไม่ทัน บางทีกว่าจะล๊อคได้ เราก็อาจไม่ได้ถ่าย ผมปรับไปที่อินฟินีตี้(ระยะของคอมแพคได้ไม่กี่เมตรครับ) ให้ล๊อคโฟกัสไว้เลย ผลคือ น่าพอใจมากครับ ผมชอบนะ(ส่วนการเปิดแฟลชก็ต้องทดลองดูครับ ใกล้ๆน่าลอง ไกลมาก ก็อันเดอร์แน่ๆ(หลักการเดียวกับบนบกเลย)

ผมเห็นอะไรประหลาดๆ ที่ผมไม่รู้จักก็ลองถ่ายดูครับ นับว่าคุ้มค่ามากกับสิ่งที่ลงทุนไป

มีหนวดกุ้งยาวๆครับ เห็นไม่ชัดเท่าไร เลยไม่แน่ใจว่าเป็นกุ้งชนิดไหน แต่ข้างๆกุ้งแน่นอนครับ หอยเต้าปูน(Cone Shell) ของแท้แน่นอน มีพิษร้ายแรงถึงตายได้เลย ตอนถ่ายรูปผมไม่เห็นเลยนะ ดูแต่กุ้งอย่างเดียวเลยครับ

เริ่มหนาวครับ ผมเจอเทอร์โมคลาย(กระแสน้ำเย็น) ด้วยล่ะ ใครสวมเสื้อยืดลงมาถ้าไขมันน้อยก็อาจมีสั่นได้ ว่าแล้วกอดอกดีกว่า ช่วยได้นิดนึง

ผมพยายามถ่ายภาพปลาผีเสื้อคู่นึง นี่คือ ปลาผีเสื้อลายเส้น(Line Butterflyfish) คล้ายกับปลาผีเสื้อคิ้วดำ(Spot-Nape Butterflyfish) มากๆ (แค่ดูคิ้วว่าขาดช่วงหรือไม่) หากไม่มีรูปถ่ายแล้วซูมเข้าไปดู ผมก็ตายเหมือนกันครับ แยกชนิดได้ยากมาก

ฝูงปลากลางน้ำอย่างปลาตะคองเหลือง(Golden Trevally)ปะปนอยู่กับปลาข้างเหลืองชนิดอื่น ผมไม่พลาดที่จะถ่ายพวกมันเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังพอเห็นฝูงปลามงครีบฟ้า(Bluefin Trevally) และฝูงปลามงตาโต(Bigeye Trevally) แต่จำนวนไม่ค่อยเยอะเท่าไรครับ

เจ็บเท้าน่าดูครับ ฟินกัด เห็นทีผมต้องเอาถุงเท้ามาใส่ซะแล้วครับ ไม่งั้นตีขาลำบากแน่ๆ

แม้จะเป็นมุมเดิมๆผมก็ยังลองถ่ายปะการังอ่อนอยู่ครับ คราวนี้สีแดงสดเชียว ลองเปลี่ยนมาถ่ายแบบ Wide บ้างก็ดูแปลกใหม่ดีนะ

เจอปลาสิงโตครีบจุด(Spotfin Lionfish)ครับ จุดเด่นคือจุดสีดำที่ก้านครีบและแถบขนาดเล็กสีขาวพาดขวางลำตัว คราวนี้เจอรวดเดียวสองตัวเลย ที่สำคัญยังทำท่ามุดเข้าไปตรงหน้าโพรงที่มีนางแบบนู๊ดอย่างดาวทะเล(Star Fish)ด้วย แบบนี้ก็สวยซิฟะ นางแบบข้าใครห้ามแตะ 555

มีดาวมงกุฎหนาม(Crown-of-Thon)ด้วยครับ แต่สัดส่วนค่อนข้างน้อยนะ น้อยมากๆเลยล่ะ ปะการังปลอดภัยแน่ๆ(เจ้าดาวมงกุฎเดี๋ยวก็ถูกปลากินแล้วล่ะครับ)

พี่สมนึกชี้ให้ผมดูปลาไหลมอเรย์ยักษ์(Giant Moray) อยู่ในซอกหินด้านล่าง ธรรมดาก็ดูน่ากลัวอยู่แล้ว นี่ออกมาทั้งตัวเลยครับ ความยาวน่าจะประมาณสองถึงสามเมตร พยายามถ่ายรูปแต่ค่อนข้างไกลเกินไปครับ แฟลชไม่ถึงน่ะ

ว่ายต่อมาอีกนิดก็มีปลาไหลมอเรย์ยักษ์อีกครับ คราวนี้อยู่ในช่วงระยะที่พอถ่ายได้ แต่พอเปิดแฟลชก็ดำมืดทันที เอาแบบธรรมดาไปแล้วกันนะ

ผมเจอปลาสินสมุทรจักรพรรดิ์(Emperor Angelfish) ชนิดที่ผมชอบมากๆ ลงทุนดำลงไปถ่ายใกล้ๆ พอเห็นลายชัดเจนครับ ก่อนที่พวกเขาจะว่ายหนีไป

พี่สมนึกชี้ให้ดู สัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง รูปร่างๆยาวๆ ใสๆ แกทำท่าว่าอย่าไปแตะครับ พึ่งทราบทีหลังว่า นี่คือแมงกระพรุนสาย(ผมนึกออกแล้วครับ ผมเคยไปเล่นน้ำที่หัวหิน แล้วโยนไปให้เพื่อนด้วยความตกใจเพราะไม่รู้ว่าคืออะไร ผลคือ แสบๆคัน กันถ้วนหน้า ถ้ารู้ว่าเป็นแมงกระพรุนจะไม่โยนไปหรอกครับ 555 )

ด้านล่างมีปลาวัวลายส้ม(Orange Triggerfish)ว่ายอยู่ด้านบนดอกไม้ทะเลครับ ตอนนี้อากาศของผมก็เริ่มใกล้หมดแล้วด้วย(จะเหมือนไดฟ์ที่แล้วหรือเปล่านะ เจอของดีตอนปลายไดฟ์)

พูดไม่ทันขาดคำครับ นักดำน้ำในชุดสีเหลือง ถือกล้องวีดีโอโซนี่(เป็นพี่บิ๊กครับ) เรียกให้ผมลงมาถ่ายรูปสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง(จริงๆ แกจะไม่เรียกก็ไม่ผิดนะครับ แต่แกมีน้ำใจมากจริงๆ)

เหมือนไดฟ์ที่แล้วจริงๆครับ ผมลงไปถ่ายแค่ช๊อตเดียวแล้วรีบขึ้นมา เห็นว่าเป็นปลาไหล์มอเรย์สองตัว ซึ่งสีแปลกมาก ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยครับ

ดูแล้วปลาไหลมอเรย์แน่ๆครับ แต่จะเป็นชนิดไหน ตอนแรกคุยกับพี่ป้อมและพี่บิ๊กว่า น่าจะเป็นลูกของ Honeycomb Moray แต่จากการกลับมาวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ดูในเว็บไซด์แล้ว นี่คือ ลูกของ Barred Moray ครับ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Echidna polyzona(ยังไม่ใช่ขนาดโตเต็มวัย)

ชื่อไทยผมยังไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเลยครับ ข้อมูลในหนังสือไทยที่มีอยู่ที่บ้านก็ยังไม่คลอบคลุม ไม่ได้กล่าวถึงซะด้วย แต่ที่แน่ๆ พบใน Lembeh ประเทศอินโดนีเซีย(ก็ถือว่าอยู่ในทะเลแถบเดียวกันครับ อินโด แปซิฟิค จึงสามารถพบในบ้านเราได้)

ถามว่าในเมืองไทยหาง่ายไหม ผมว่าไม่ง่ายครับ(แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี ทะเลนั้นกว้างใหญ่ อาจมีตัวแปลกๆอีกเยอะ ที่เรายังไม่รู้) ถ้าเจอบ่อยๆ ได้ผ่านตานักวิจัย คงมีลงหนังสือไปแล้ว ข้อมูลของ Barred Morayน้อยกว่าปลาไหลมอเรย์ชนิดอื่นๆ แสดงว่าไม่ค่อยมีรายงานการพบเห็นเท่าไร

เท่าที่ผมเคยดูในรูปจากหลายๆเว็บ วัยเด็กของปลาชนิดต่างๆอีกมาก(รวมทั้งชนิดนี้) ที่ยังรอคอยให้เราตามไปค้นหาครับ(ดูปลาตัวแม่ว่าแน่ ดูตัวลูกได้ ยิ่งแน่กว่านะนาย 555 )

ดวงตาแป๋วแหว๋วแบบนี้(ขนาดพี่ตาลยังบอกว่าน่ารักเลยครับ) ผมก็ว่าพวกเขาดูน่ารักจริงๆนะ หวังว่ากลับไปคราวหน้าพวกเขาจะโตเต็มวัย รอให้ผมไปยลโฉมอีก(แต่ไม่น่ารักเหมือนลูกๆแน่ครับ 555)

ก่อนขึ้น(อากาศจะหมดแล้วจ้า)ก็ยังมีอารมณ์ถ่ายปะการังอ่อนต่อครับ แต่เข้าใจว่า เริ่มตื้น เริ่มมีแสงแดดส่องถึง บวกกับแฟลช เลยทำให้เห็นเป็นสีแดง

แฮ่ๆ จริงๆมีเชือกอยู่น่ะครับ(เลยใจเย็นได้) ผมทำสัญญานบอกพี่สมนึกว่า ขอขึ้นก่อนนะพี่ ไต่เชือกขึ้นไป ทำSafety Stop ถ่ายรูปลงมา ติดนัทกับพี่แดงก็กำลังทำ Safety Stop อยู่ด้วยครับ

ส่วนปลาอื่นๆไดฟ์นี้เท่าที่จำได้ ก็มี ปลาสลิดหินสามจุด(Three-spot Dascyllus) ปลาการ์ตูนอินเดียน(Skunk Anemonefish) ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) ปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish)และปลากระพงลายพาด(Checkered Snapper)

ขึ้นมาบนผิวน้ำ คลื่นไส้เล็กน้อยครับ เห็นเรือ Speed Boat ของ Lanta Fun Diver มีฝรั่งเต็มเรือเลยครับ ท้ายเรือมีสาวนุ่งบิกินี่ อาบแดดด้วยล่ะ555(เลยถ่ายรูปเธอ เอ้ย ถ่ายรูปเรือไว้ครับ)

กลับมาที่เรือของเราครับ อาหารกลางวัน มีบะหมี่เกี้ยวหมูแดง(เกี้ยวอร่อย) ของหวานเหมือนฟรุ๊ดสลัดผลไม้บวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์(เรียกไม่ถูกครับ แต่อร่อยดี)

หามุมนอนบ้างครับ(เริ่มง่วง) ประมาณชั่วโมงกว่าๆหลังจากนั้น ก็ต้องลงดำน้ำต่อแล้วครับ จุดต่อไป คือ หินแดง เป็นจุดดำน้ำอีกจุดหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก

หินแดง เป็นหินที่โผล่พ้นน้ำ จนเห็นปะการังอ่อนเป็นสีแดง ครูตุ๋ม Brief ให้ฟังว่า ตรงจุดนี้นอกจากปะการังอ่อนก็จะมี Long -Nose Hawkfish และ Ghost Pipefish ให้ดูอีกด้วย

ก่อนลงผมเข้าไปหยิบถุงเท้าในห้องมาใส่ ไม่ไหวแล้วครับ ฟินกัดเท้าเป็นแผลแบบนี้ เดี๋ยวจะยิ่งไม่สนุก ว่าแล้ว ลงไปสำรวจหินแดงกันเลยครับ



Dive3 มหัศจรรย์หินแดง!!!

ลงมาด้านล่างได้ไม่นาน เป็นไปอย่างที่ครูตุ๋มบอกไว้จริงๆครับ พี่สมนึกชี้ให้ดูบริเวณดาวขนนก นี่คือ สุดยอดปลาที่นักดำน้ำชื่นชอบครับ Harlequin Ghost Pipefish หรือปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจนั่นเอง ตัวนี้มีสีแดงครับ

ผมรอจังหวะ เพื่อเข้าไปถ่ายรูป กดประมาณสี่แชะครับ เพราะเราต้องเห็นใจคนอื่นที่มาต่อคิวเราด้วย คนอยากถ่ายอยากดูก็มี ถ่ายเสร็จผมก็หลบฉากออกมาเลย

บางคนก็เรียกว่า ปลาจิ้มฟันจระเข้ขนยาว(Ornate ghost pipefish) ก็คือตัวเดียวกันครับ มีชื่อเรียกได้หลายชื่อดังเช่นปลาชนิดอื่นๆ Ghost Pipefish ที่ผมเห็นลำตัวมีสีแดง พรางตัวได้ดีทีเดียว เป็นครั้งแรกที่ผมถ่ายรูปได้ หลังจากที่เคยเห็นครั้งแรก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

กลางน้ำมองออกไป มีปลาสากหางเหลือง(Yellow-tail Baracuda) อยู่หลายตัวครับ นักล่าอย่างเขามักจะมีระเบียบในการล่าดีแบบนี้แหละ

กลับมามองที่แนวปะการังดีกว่า ปลากะรังแดงจุดน้ำเงิน(Coral Rockcod) อีกหนึ่งนักล่าในแนวปะการัง ขอถ่ายรูปซะหน่อยเถอะ(เก่งแค่ไหนก็แพ้มนุษย์ครับ 555)
คิดถึงจริงๆครับ บอกตามตรง ผมไม่ค่อยได้เห็นปลาขี้ตังเบ็ดน้ำเงินฟ้าเท่าไร(Powder-Blue Surgeonfish) ไม่รู้หายไปไหนกันหมด ส่วนอีกตัว คือ ดอรี่ ในเรื่อง Finding Nemo(ปลาขี้ตังเบ็ดน้ำเงิน Blue-Lined Surgeonfish) ตัวนั้นยิ่งแย่ใหญ่ ถ้าจำไม่ผิด ไม่เคยเห็นเลยครับ

ถึงผมจะเห็น ขี้ตังเบ็ดฟ้า แต่ก็แค่ตัวเดียว ยังจำภาพสี่ถึงห้าปีที่แล้ว บริเวณปะการังเขากวาง ที่ร่องตอรินลา หมู่เกาะสุรินทร์ได้เลยครับ ขี้ตังเบ็ดฟ้าเยอะมากๆ(ไม่มีภาพแบบนั้น ในเมืองไทยอีกแล้ว)

แว่บๆ นั่น คือ ลูกปลาสินสมุทรจักรพรรดิครับ ผมไม่ได้ถ่ายเพราะถ่ายไม่ทัน ดูเฉยๆดีกว่า

มีปลาตั๊กแตนหินสองสี(Bicolor Blenny) นอนอยู่บนก้อนหินครับ แต่ถ่ายยากมากๆ พอขยับเข้าไปปุ๊บ ก็หนีทันทีเลย

ส่วนตัวอ้วนๆ ป้อมๆ ถ่ายรูปไม่ยาก ด้านหน้าผม คือ ปลาปักเป้าหน้าหมา Blackspotted Puffer) อาจเป็นเพราะเขาว่ายน้ำช้าๆด้วยล่ะครับ 555

ระหว่างหาสัตว์ทะเลถ่าย ผมจับที่ก้อนหินครับ ถัดจากมือผมไม่กี่ ซม คือ ลูกปลาแมงป่องเกล็ดเล็ก(Tassled Scorpionfish) ครับ(โอย เกือบไปแล้ว) พรางตัวได้เยี่ยมยอด ขนาดผมถ่ายรูป ยังต้องดูหลายๆทีเลยครับ ว่าตรงไหนคือตัวปลากันแน่ แต่ดูหน้าตาไม่โหดเหมือนตอนโตเลยนะ 555

นอกจากดอกไม้ทะเลที่มากมายแล้ว สีสันของปะการังอ่อนสีแดง อันเป็นที่มาของชื่อหินแดง ทำเอาตัวผมเพลิดเพลินมากๆ ทำไมมันสวยอย่างงี้วะ

เห็นปะการังลูกโป่งใหญ่(Rounded Bubble Coral) ดูแล้ว อยากจะเด็ดมาเคี้ยวจริงๆ(เหมือนผลองุ่นสีขาวน่ะครับ)

ผมเจอทากปุ่มชนิดหนึ่ง เลยถ่ายรูปออกมา นี่คือ ทากปุ่มที่ชื่อว่า Phyllidiella pustulosa เห็นได้ชัดเลยครับว่าการเปิดแฟลชกับไม่เปิด แตกต่างกัน ทำให้สีผิดเพี๊ยนออกไป

เจ้านี้ก็ว่ายน้ำไม่เร็วไปกว่าปลาปักเป้าตัวเมื่อครู่ครับ ปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Black Blotched Porcupinefish) มีหนามเล็กๆยื่นออกมาด้วยล่ะ(แสดงว่า เริ่มอารมณ์เสียหรือตกใจนิดๆก็ได้มั้ง แต่คงไม่ใช่ผมทำนะ เพราะตั้งแต่เห็นก็มีหนามแล้ว)

มีฟองน้ำสีขาวกับปะการังอ่อนสีชมพู(น่าจะเป็นอีกสกุลหนึ่ง) ผมไม่พลาดที่จะถ่ายรูปออกมาเช่นกัน

มีหนอนพู่ฉัตรครับ(Christmas tree worm) ผมรีบถ่ายก่อนที่มันจะหุบลงไป อันนี้มีสีน้ำเงิน

ด้านหน้าโพรงที่มีเม่นทะเลอาศัยอยู่ มีกุ้งนักมวยหรือกุ้งพยาบาลก้ามขาวด้วยครับ(Boxer Shrimp) กำลังตีลังกาติดผนังถ้ำแบบสไปเดอร์แมน ดูแล้วก็สวยดีครับ

พี่สมนึกชี้ให้ดูแมงกระพรุนที่กลางน้ำ(Jellyfish) ใกล้ๆเห็นปลาวัวหางพัด(Scrawled Leatherjacket) ด้วย น่าแปลกว่า เหมือนภาพเดิมเข้ามาในหัวผม ที่สิมิลัน ครูปรีชาเคยถ่ายสองตัวนี้อยู่ด้วยกันนี่นา ขอถ่ายบ้างแล้วกัน (จริงๆ แมงกระพรุนกำลังถูกเจ้าหางพัดและปลาสลิดทะเลแถบกินเป็นอาหารน่ะครับ ดูก็รู้)

มีรูปหนึ่งพี่สมนึกใช้ฝ่ามือแตะที่หัวของแมงกระพรุน เหมือนหนังกำลังภายในเลย(ถ้าโดนหนวดล่ะก็ แย่แน่ๆครับ)

ส่วนปลาชนิดอื่นๆ ก็มี ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) ปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish)และปลาไหลมอเรย์ยักษ์(Giant Moray)

ขึ้นมา มีของว่างให้ทานด้วย พายสัปปะรด ฝีมือครูจุ๋ม อร่อยจริงๆ(กลับไปบ้านคราวนี้ น้ำหนักขึ้นแน่ๆ 555) ทานเสร็จก็ตามด้วยเยลลี่แช่เย็นครับ

“เรียกพี่ป้อมซิครับ ไม่ใช่ลุงนะ ถ้าเรียกเดี๋ยวไปเอาโดโซะให้” เสียงพี่ป้อมคุยกับน้องมายด์

“……………..” น้องมายด์กินโดโซะแล้วก็สั่นหน้า จะเรียกพี่ป้อมว่าลุง ท่าเดียวครับ

“แล้วพี่ภพ เรียกว่าพี่ภพหรือลุงภพ ค่ะ น้องมายด์” พี่แดงถาม

“……………..” พยักหน้าบอกว่าเรียกพี่(โอ้ เด็กฉลาดชาติเจริญ)

ผมคุยกับพี่แดงและพี่ตา หลายๆเรื่อง หนึ่งในนั้นบอกว่าไม่เคยเห็นเด็กๆขึ้นเรือแบบ Non-Dive มากขนาดนี้มาก่อน(เพราะเด็กขึ้นเรือ พ่อแม่ก็ต้องจ่ายตังค์นา) พี่ตาบอกว่า ตอนปีก่อน เด็กๆแทบจะยึดเรือเลยล่ะครับ ดูแล้ว เด็กๆเหล่านี้โชคดีครับ อายุไม่เท่าไรแต่ก็ได้เดินทางไปหลายสถานที่ในขณะที่ผู้ใหญ่บางคนยังไม่มีโอกาสเลย

เรือสคูบ้าเน็ตแล่นมาถึงเกาะรอกนอกครับ ผมไม่เคยมาที่เกาะรอกมาก่อนเลย เคยเห็นแต่ในรูป ในหนังสือว่า ปะการังน้ำตื้นสวยงาม มีน้ำตกไหลลงมาจากภูเขาด้วย แต่เข้าใจว่าอยู่อีกด้านหนึ่งครับ

มองเห็นเรือประมงจอดหลบลมอยู่ บ้างก็ว่าเป็นเรืออวนลาก มิน่า สัตว์ทะเลในเมืองไทยถึงค่อยๆน้อยลง น้อยลง

ไม่เชิงเป็น Night Dive ครับ เรียกว่าโพล้เพล้ไดฟ์ น่าจะดูดีว่า เพราะพึ่งจะเกือบหกโมง แถมยังมีแสงสว่างให้เห็น

ผมรีบไปเตรียมไฟฉาย(เปิดแล้วไฟไม่ติดซะงั้น) เลยลองเปลี่ยนถ่านแล้วประกอบใหม่ก็พอได้ครับ บางทีต้องเขย่าๆดู

ครูตุ๋ม Brief ให้ฟัง พร้อมบอกให้นำไฟฉายติดตัวลงไปด้วยครับ หากออกไปที่ลึกตามพื้นทราย จะมีโอกาสได้เห็นทากแปลกๆหลายชนิดอีกด้วย ส่วนด้านในก็จะเป็นพวกปะการังแข็ง



Dive4 เทอร์โมคลายกับทากทะเลตัวจิ๋ว แปลกประหลาดมากๆ!!!

ลงไปค่อนข้างลึกครับ เจอกระแสน้ำเย็นอย่างเทอร์โมคลาย บรรยากาศเป็นวุ้นๆแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้หนาวมากขึ้น รอบๆ มีแต่ทราย นี่มาดำเกาะสากที่พัทยาหรือเปล่าเนี่ย

อ้าว ถ้าเป็นเกาะสาก ก็ต้องมีอะไรดีๆตามพื้นทรายซิ คิดในแง่ดีก็แล้วกัน

วาจาสิทธิ์ครับ เริ่มที่ทากเปลือยอานม้าสามชั้น(Ceratosoma trilobatum) ผมไม่เคยเห็นมาก่อนครับ ลำตัวสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลอ่อน มีจุดสีเหลืองกระจายรอบตัว มีเส้นสีม่วงรอบลำตัว ส่วนท้ายของลำตัวยกขึ้นมา เท้าส่วนท้ายยืดออกมาเหมือนมีหาง(แปลกดีแฮะ)

ต่อไปก็มีสิ่งคล้ายดอกไม้ทะเล รูปร่างประหลาด ก็ลองถ่ายมาดูครับ

ทีเด็ดสุดๆอยู่ที่ตรงนี้ครับ ไม่พี่สมนึกก็พี่แดงล่ะครับที่เป็นคนหาเจอ ทากชนิดนี้ตัวเล็กมาก(1-2ซม) ขนาดผมถ่ายรูปยังมองไม่เห็นตัวทากเลยครับ เห็นชัดๆแค่สิ่งที่เหมือนกับพืชใต้น้ำที่ทากเกาะอยู่ ต้องมาดูในกล้องที่ถ่ายมา(สงสัยคราวหน้าต้องพึ่งแว่นขยายแล้ว)

ดูคล้ายทากเปลือยปิกาจูมากๆครับ แต่มีสิ่งแตกต่างกันอยู่ เช่นสีที่ลำตัวไม่เหมือน รูปร่างไม่เหมือน ไม่มีจุดสีส้มสลับกับจุดสีดำ(มีแต่จุดดำอย่างเดียว) ก็ตรงกับผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนูดี้ อย่างพี่หมอตุ๋งครับ ที่พบเจอทากมาแล้วหลายสายพันธุ์ แต่กับตัวนี้ แกยอมรับว่าแปลกมาก ไม่ใช่ทากเปลือยปิกาจูอย่างแน่นอน

ถ้าผมไม่มีกล้อง ผมว่าไม่คุ้มครับ ดูด้วยตาก็มองไม่เห็นเพราะตัวเล็กมาก นับว่าโชคดีจริงๆเลยล่ะ ที่ได้เจอ

เริ่มกลับเข้ามาในที่ตื้นครับ ผมถ่ายรูป ปลิงขูด(Bohaddschia graffei) ปลาปากขลุ่ย(Smooth Flutemouth) ดาวขนนก(Feather Star) ที่ดูพลิ้วไหวมากกว่าในเวลากลางวัน

ปิดท้ายด้วยปลาสิงโตครีบจุด(Spotfin Lionfish) และหอยมือเสือ(Giant Clam) ขนาดใหญ่

ก่อนขึ้นมีปลาปักเป้ายักษ์(Star Puffer) ว่ายผ่านไปด้านล่าง ช่วงทำ Safety Stop อีกด้วย

อาบน้ำเรียบร้อย อาหารเย็นมี หอยลายผัดน้ำพริกเผา ดอกกระหล่ำผัดผัก แกงเขียวหวานไก่ ผมรู้สึกว่าเจ็บคอมากๆ เวลากลืนน้ำลาย เท่าที่สอบถามพี่ๆน่าจะเกี่ยวกับคอแห้ง เวลาลงไปใต้ทะเล(ถ้าดูในคอ น่าจะแดงแน่ๆครับ) พี่ตาลบอกให้ผมดื่มน้ำอุ่น พี่ตุ้มแนะนำให้ดื่มน้ำมะนาวด้วย น่าจะช่วยได้ดีขึ้น

พี่ป้อมใจดีมากๆครับ แม้จะพึ่งรู้จักกัน แต่แกหยิบยาอมสเต๊ปซิลมาให้ผมหนึ่งแผง เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและบอกอีกว่า ถ้าหมดแล้วให้มาเอาใหม่

ผมถามพี่ป้อม บอกว่า พอถอดกล้องออกจาก Housing มีหยดน้ำติดที่ตัวกล้องสองหยด จะถือว่าน้ำเข้าหรือไม่ พี่ป้อมบอกไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ถือว่าน้ำเข้า

ได้คุยกับนัท นัทมาคนเดียวก็จริงแต่เป็นลูกศิษย์ในมนุษย์กบไทยอยู่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกกับทริปยาวๆเช่นนี้ครับ

มาดูรูปในกล้องที่ถ่ายมา บางรูปผมชอบตั้งแต่แรกเห็น(แต่ต้องมาดูในคอมครับ บางทีอาจเบลอก็ได้) เอาเป็นว่า สีสันอันดามันใต้สุดยอดจริงๆ

พรุ่งนี้พี่ตาลมีสอบ Advance กับครูตุ๋มครับ ขยันขันแข็ง อ่านหนังสือใหญ่เลยล่ะ

เรือกำลังแล่นแถมมีคลื่น หลายคนไปนอนกันแล้ว ผมสงสัยว่า ไม่ Countdown กันหรืออย่างไร ด้วยความไม่สะดวกเห็นว่าจะฉลองในคืนวันรุ่งขึ้นแทน

เดินเข้าไปดูในห้อง เห็นมีคนเปิดหนัง เจมส์ บอนด์ ภาคใหม่ แต่คนดูอย่างพี่อำนาจและคนอื่นๆ หลับกันไปแล้วครับ ในห้องนี้หนาวด้วย อยู่ไม่นาน ไปดีกว่า

ในขณะที่เรือโคลงเคลง ผมเห็นหยกและสมาชิกบนเรืออีกหลายคน ช่วยกันเก็บเก้าอี้เข้าที่ เก็บจาน แก้วใส่ในกะละมัง ผมเลยอยู่เฉยไม่ได้ ต้องช่วยด้วย รู้สึกชื่นชมทุกคนครับ(ไปบางลำ Diver ไม่ช่วยทำตรงนี้เลยนะครับ เขาถือว่าไม่ใช่ธุระ ซึ่งถ้าจะให้พูดมันก็ถูก แต่ถ้าช่วยเก็บ อะไรจะน่าดู น่าชมกว่ากันล่ะครับ)

ผมเจ็บคอมากๆ พักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้อาการจะได้ดีขึ้นครับ



1 มกราคม 2552

เหมือนเดิมครับ ก่อนที่จะรับประทานอะไร ผมก็จะนำกล้องมาประกอบเข้ากับ Housing และทาซิลิโคนที่ยางโอ-ริงก่อน และนำไปแช่น้ำว่าใช้ได้

ตอนเช้าๆ เต็มที่ ผมทานขนมปังทาแยมแค่แผ่นเดียวเท่านั้น แยมก็ดีครับ ใช้เปิดขวดแล้วบีบเอาเลย ไม่ต้องใช้ช้อนทาให้เสียเวลา

ทุกคนกำลังนั่งฟังครูตุ๋ม Brief อย่างตั้งใจ ผมโชคดี มาคราวนี้ ทางบริษัท มนุษย์กบไทยให้ความสำคัญเรื่องการ Brief มากๆ(บางลำไปแล้ว ไม่มี Brief เลยครับ) ส่วนตัวผมอยากฟังอยู่แล้วครับ ว่าแต่ละไดฟ์ ไซด์ เป็นอย่างไรบ้าง จะมีโอกาสพบอะไรได้บ้าง ใครไม่อยากฟังก็ไม่ต้องมาฟังซิ คนอยากฟังก็มีนะครับ

เราจะลงกันที่หินแปดไมล์หรือกองหินสคูบ้าเน็ต ครูตุ๋มบอกว่า ครูจุ๋มเป็นคนมาบุกเบิกที่นี่ จากคำบอกเล่าของชาวประมง ว่าที่นี่มีกองหินใต้น้ำ และมีฝูงปลากลางน้ำเยอะมากๆ เคยมีการพบ Manta Ray และ Devil Ray ด้วยล่ะครับ

Friday, January 09, 2009

อันดามันใต้….ดินแดนปะการังอ่อน(1)







หากพูดถึงจุดดำน้ำในทะเลอันดามันของประเทศไทย ด้านหนึ่ง คือ อันดามันเหนือ ประกอบไปด้วยจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงในจังหวัดพังงา เช่น หมู่เกาะสิมิลัน กองหินริเชลิว หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะบอน เกาะตาชัย เป็นต้น


อีกด้านหนึ่ง เรียกว่า อันดามันใต้ ประกอบไปด้วยจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงในจังหวัด กระบี่ ตรัง สตูล และภูเก็ต เช่น หินแดง หินม่วง หมู่เกาะพีพี หมู่เกาะรอก หมู่เกาะตะรุเตา และหมู่เกาะในจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น

เรียกว่า หากฤดูกาลอันดามันเปิดขึ้นแล้ว นักดำน้ำย่อมไม่พลาดที่จะเดินทางไปยังสถานที่เหล่านี้อย่างแน่นอนเนื่องจากความสวยงามแห่งท้องทะเลที่ยากจะปฎิเสธได้


พูดถึงอันดามันใต้ ผมยังไม่เคยไปดำน้ำบนเรือ Liveaboard เลยครับ มีเหตุที่ต้องไปไม่ได้ๆทุกๆที ล่าสุดที่พลาดไปช่วงเดือนเมษายน ผมก็ได้ไปนอนบนเกาะหลีเป๊ะแทน ออกมา Fun Dive บนเรือหางยาว แม้จะแค่ 2 ไดฟ์ แต่ก็ทำให้ผมตื่นตะลึงกับความสวยงามของปะการังอ่อนไม่น้อยเลยล่ะ(รายละเอียดติดตามเรื่อง หมู่เกาะตะรุเตา…กับวันมหัศจรรย์ของผม”)


ปีใหม่นี้ มีวันหยุดยาวหลายวัน คุณแม่ยังไม่ต้องทำคีโม เนื่องจากคุณหมออยากให้พักก่อนในช่วงนี้หลังปีใหม่ค่อยว่ากัน เมื่อมีคุณพ่อและพี่ชายคอยอยู่ดูแลแทน ผมจึงมีโอกาสที่จะไปดำน้ำบนเรือ Liveaboard ได้ แต่การดำน้ำในช่วงปีใหม่ หากจะไปอันดามันใต้ ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เพราะเรือส่วนใหญ่ ไปอันดามันเหนือกันหมด


เท่าที่ทราบก็มีของบริษัท มนุษย์กบไทย ที่จัดทริปอันดามันใต้ในวันปีใหม่ทุกๆปี(ผมเคยคุยกับครูจุ๋มและพี่อำนาจบ่อยๆ เพราะเคยยกเลิกการจองของที่นี่ไม่ต่ำกว่าสามครั้ง จนผมเลิกจองล่วงหน้ากับทุกๆบริษัทไปแล้วครับ รอดูใกล้ๆดีกว่า แม้จะไม่อยากยกเลิกการจอง แต่ด้วยหน้าที่ จนตอนนี้เขายังเก็บเงินมัดจำของผมอยู่เลยครับ บอกว่าถ้าผมว่างเมื่อไรค่อยนำเงินส่วนนี้มาหักได้เลย)


พูดถึงบริษัทนี้เป็นบริษัทแรกๆในการดำน้ำของบ้านเรา(หลายสิบปีก่อน) เรื่องความเชี่ยวชาญจุดดำน้ำและความปลอดภัย รับประกันได้เลยครับ จุดดำน้ำอย่างหินแปดไมล์(กองหินสคูบ้าเน็ต) ก็ของที่นี่ล่ะ ที่ไปบุกเบิกมา (ผมยังอ่านหนังสือของพี่เจี๊ยบ อภินันท์ บัวหภักดี ตอนไปอันดามันใต้กับมนุษย์กบไทย สนุกดีครับ)


พี่ป้อมไม่มีทริปช่วงปีใหม่ครับ ผมเลยลองหาเรือลำอื่นดู อยากไปลำไหนก็ได้ที่ไม่เคยไปมาก่อน ถ้าได้ไปอันดามันใต้คงจะดีไม่น้อย แต่หนทางมืดมิด เพราะทริปนี้เต็มไปตั้งแต่ก่อนเดือนธันวาคมอีกครับ

ก่อนวันเดินทางไม่ถึง 2 อาทิตย์ ผมลองโทรไปหาครูจุ๋ม และลงชื่อไว้เป็น Waiting list(เผื่อมีคนยกเลิก) ซึ่งก็ค่อนข้างจะยากอยู่เหมือนกัน


และแล้วหลังจากวันนั้นไม่กี่วัน โชคก็เข้าข้างผมแล้ว


“ภพ มีคน cancel สองที่ ไปอันดามันใต้ไหมครับ” เสียงพี่อำนาจบอก


ใช้เวลาคิดตัดสินใจไม่นาน(เนื่องจากทุกอย่างก็พร้อม เดินทางได้แบบไม่ต้องมีห่วงอะไร แถมพอหักมัดจำที่จ่ายไปแล้ว ราคาอยู่ในขั้นรับได้เสียด้วย)


ผมรอคอยการไปดำน้ำที่นี่มาสองถึงสามปีแล้ว แม้จะไปเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่ได้กลัวอะไรครับ ทริปนี้มีพี่ตุ๋งและพี่ตาล สองทันตแพทย์ ที่ผมเคยเจอบนเรือเจ้าหญิงน้อย ทริปอันดามันเหนือ เมื่อปลายปี 2548 ไปด้วยครับ(เห็นพี่ๆบอกว่าจองมาตั้งนานแล้วล่ะ)


ได้ไปเรือ Scubanet ด้วยครับ ยอดเลย เป็นอีกลำที่ยังไม่เคยไปและอยากไปครับ(ปีก่อนที่ไปเรือโชคศุลี ได้มีโอกาสขึ้น Scubanet เล็กน้อย เรือใหญ่ ดาดฟ้ากว้างดีครับ)


โอกาสที่จะได้ไปดำน้ำในช่วงเทศกาลแต่มีคนน้อยๆแบบนี้ ก็หายาก การได้เห็นสัตว์ใหญ่ก็จะง่ายขึ้นตามไปด้วย(เหมือนทริปร้านเป็ด ร้านไก่ ต้นเดือนตุลาคมที่มีเรือออกลำเดียวนั่นแหละครับ)


ก่อนเดินทางผมเตรียมเมมโมรี่การ์ด แบตเตอรี่ ของกล้องถ่ายรูปให้พร้อมและเพียงพอ(ซื้อมา ทั้งทีต้องใช้ให้คุ้มครับ) ร่วมทั้งให้พี่ป้อมช่วยเปลี่ยนถ่านไดฟ์คอมพิวเตอร์ให้


ไม่ว่าจะเห็นสัตว์ทะเลชนิดไหนบ้าง ใหญ่ที่สุดจนถึงเล็กที่สุดก็ตาม ได้ทั้งนั้นครับ(ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก) ผมนึกถึงปะการังอ่อนสวยๆ สัตว์ทะเลที่อันดามันใต้ รวมถึงจุดดำน้ำที่ผมไม่เคยไปมาก่อน ตื่นเต้นจริงๆ


เพื่อไม่ให้เสียเวลา เดินทางไปพร้อมๆกับผมเลยดีกว่าครับ^^



30 ธันวาคม 2551

ช่วงเช้าพาคุณแม่มาตรวจที่โรงพยาบาลครับ พอกลับมาถึงบ้านก็ไม่มีเวลามากไปกว่า การออกไปทานข้าวกลางวัน เรียกแท๊กซี่เข้ามาที่บ้าน ขนสัมภาระไปสนามบินดอนเมือง


ขาไปผมไปสายการบินวันทูโกครับ รอบบ่ายสามโมง(ที่ไปเร็วหน่อยเพราะได้ราคาถูกครับ แถมเป็นรอบสุดท้ายซะด้วย ถ้าไปบ่ายโมงก็ยิ่งถูกกว่านี้อีก หมดเที่ยวนี้ก็ต้องไปสายการบินอื่นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางจากบ้านไกลกว่าเยอะ) อย่างที่รู้กันว่า ตั๋วเครื่องบินช่วงปีใหม่ Charge กันสุดๆ ถ้าเป็นรอบหนึ่งทุ่มลงไป การบินไทย 3800 แอร์ เอ เชีย 4400 แพงกว่าของผมตั้งเกือบสองพันบาทแน่ะ(ดูซิครับ Low Cost แพงกว่า การบินไทยได้อย่างไร 5555) ( นก แอร์ ไม่มีลงที่ภูเก็ตแล้วครับ ทางเลือกก็ยิ่งน้อยลง ส่วนบางกอกแอร์เวย์ ตั๋วไม่แพงครับ แต่เต็มไปแล้วเช่นกัน )


ส่วนขากลับ ตั๋วเครื่องบินเต็มครับ(ถ้ามีก็รอบเย็นๆกับดึกๆ) แต่ไม่มีปัญหาครับ ความโชคดีของการเดินทางมาดำน้ำที่อันดามันใต้ คือ ขากลับจะสามารถเข้าฝั่งได้เร็ว นั่งรถทัวร์กลับรอบเย็นได้ทันที(ถ้าไปอันดามันเหนือ จะเข้าฝั่งภูเก็ตประมาณตีสอง นั่งรถทัวร์กลับไม่ทันครับ)


มาว่ากันต่อดีกว่า คนขับTaxi อยากจะพาภริยาขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก ผมแนะนำข้อมูลให้กับเขา พร้อมอวยพรให้เขาทำให้ได้(ถ้าเป็นช่วงที่ไม่ใช่เทศกาล Low Cost บางสายการบิน ราคาแพงกว่ารถทัวร์ไม่กี่บาทเองครับ ประหยัดเวลากว่าด้วยนะ)


ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสนามบินดอนเมืองครับ ผมนำกระเป๋าเข้าเครื่องตรวจ โหลดสัมภาระที่จะขึ้นเครื่อง แสดงหลักฐานการชำระเงินและบัตรประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่(กระเป๋าของผมแค่ 9 กิโลเองครับ วันทูโก ให้ 30 กิโล สบายมาก 555)


เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ผู้คนก็เริ่มทยอยกันมาแล้วครับแต่ไม่วุ่นวาย(ยังไม่มีพวกนักดำน้ำแน่ๆครับ ต้องเป็นช่วงทุ่มนึง ถึงจะเยอะ) ว่าแล้วก็เดินเข้าไปด้านในเลยดีกว่า ผ่านเครื่องตรวจร่างกายป้องกันการพกพาอาวุธ


ผมต้องออกไปทาง Gate 10 ครับ อยู่ชั้นล่าง คนนั่งรอแน่นเลยล่ะ ไม่เหมือนด้านบนที่ยังมีที่ว่างอีกเพียบ(ว่าแล้ว ไปห้องน้ำ แต้มคีนาลอคที่ปากหน่อยครับ ปากเป็นแผลน่ะ แสบน่าดู)


ไม่นานนักประตูก็เปิดออก ผู้โดยสารทยอยขึ้นรถ จากนั้นรถก็ค่อยๆเคลื่อนๆออกไปจนถึงเครื่องบิน มีสามสาวผมทองชาวต่างชาติ ผิวขาว ดูน่ารักดี เห็นแล้ว อยากเป็นไกด์ อาสาพาทัวร์ภูเก็ตจัง 555


“Exciting” เสียงสาวผิวคล้ำชาวไทยที่นั่งข้างๆผม ครับ พูดกับชายชาวต่างชาติ ท่าทางคงเป็นแฟนกัน จับมือกันแน่นเลยน่ะ 555(เดาว่า เธอน่าจะเคยขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกครับ)


ส่วนสามสาวชาวต่างชาติ นั่งอยู่ด้านหน้าผมเลย เท่าที่ดูใกล้ๆ แอบมองแบบพวกโรคจิตเห็นขนตาเธอเด้งมากเลยครับ ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ใช้ขนตาปลอมหรือเปล่า(ดูแล้ว นึกถึง หนูแหวน ดาราไฮโซ เลยล่ะ 55)


ผมนั่งติดประตูฉุกเฉินเลยครับ ก็ต้องศึกษา วิธีดึงประตู ตามที่แอร์ โฮสเตส สอน(แต่ดูแล้ว ผมมองหน้าแอร์ โฮสเตส สาธิต วิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ก็เคลิ้มแล้วครับ) ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกนะ ผมมองเห็นชาวต่างชาติคนหนึ่ง มองแอร์ โฮสเตสไป ก็ยิ้มแฉ่งไปด้วย 555


กัปตัน คาร์ลอส วันเดอร์รามา(คาร์ลอส เฉยๆครับ55) พาผู้โดยสารขึ้นในความสูง 32,000 ฟุต สมัยก่อนขึ้นเครื่องผมจะหูอื้อ เดี๋ยวนี้จากที่ดำน้ำมา หูตายด้านไปแล้วครับ แค่กลืนน้ำลายก็เคลียร์หูได้แล้ว บางครั้งก็ไม่อื้อเลยก็มีนะ)


แอร์ โฮสเตส แจกอาหารและเครื่องดื่มครับ มีข้าวห่อสาหร่ายปูอัดของโออิชิ รสชาดดีทีเดียว ตามด้วยถั่วลิสงรสไก่ของวันทูโก รสชาดเหมือนมารูโจ้ ส่วนเครื่องดื่มมีเยอะ แต่ผมเลือกสไปร้ทครับ เพราะชอบสไปร้ทในตัวเธอ(อืม เริ่มฝืดแล้วเนี่ย 555)


ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง ก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ตครับ เดินออกมารอกระเป๋า ที่สายพานระหว่างนั้นเจอสาวภูเก็ตกำลังรอกระเป๋าอยู่เช่นกัน อายุไล่เลี่ยกับผม ใบหน้าคล้ายเพื่อนคนหนึ่งมากๆ ดูแล้วนึกถึงความหลังเลยล่ะ


เดินเข็นกระเป๋าออกมา พึ่งจะห้าโมงเย็นเองครับ(ทดสอบเปิดทีวีในโทรศัพท์แล้ว ไม่มีสัญญาน จะดูเป้าบุ้นจิ้นน่ะ กำลังสนุก) ถ้าผมรอพี่ตุ๋งกับพี่ตาลมาถึง ก็น่าจะประมาณสี่ทุ่ม ที่นั่งตรงนี้ก็เต็ม ร้านอาหารที่เห็นอยู่ก็ยังไม่เปิด ดูท่ารอตรงนี้ต่อไป ไม่ Work แล้วนะ ผมว่า ผมไปที่เรือเลยดีกว่า (พี่ป้อมบอกเหมาไปท่าเรือรัษฎา ประมาณ 500 บาทครับ)


เดินออกมาด้านนอก ลองดูรถโดยสารอย่าง Airport Bus ซึ่งมีออกตามเวลา แต่ถ้าหากถึงที่หมายแล้ว จะไปท่าเรือรัษฎาก็ต้องเหมาไปอีกอยู่ดี กระเป๋าก็มีหลายใบ ไม่ค่อยเหมาะกับการเดินตะลอนครับ


“ลุงครับ ไปท่าเรือรัษฎาเท่าไรครับลุง คนเดียวไปไหม” ผมถามลุง ผู้มีอาชีพรับจ้างขับรถส่งนักท่องเที่ยว


“คนไทย 450 ชาวต่างชาติ 500 ไอ้หนุ่ม จะไปเกาะพีพีเหรอ” ลุงตอบ


“ผมไปดำน้ำครับ เรือจอดอยู่ที่นั่นน่ะ


ราคาพอไหวครับ ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆนะ ลุงเชาว์ พาขึ้นรถเก๋งญี่ปุ่น ขับออกจากสนามบิน เนื่องจากมีคนเดียวเลยไปรถเก๋ง หากมีหลายคน ก็จะไปรถตู้กัน


ผมถามถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ว่าน้อยลงไปเยอะไหม หลังจากเหตุการณ์ปิดสนามบิน


“โอย ไม่น้อยลงไปหรอกครับ เยอะกว่าเดิมอีก ฝรั่งมันอยากมาภูเก็ตจะตาย ที่นี่เป็นสวรรค์ของมัน” ลุงเชาว์ยิ้ม


ลุงเชาว์ชี้ให้ผมดู ทางเข้า Boat Lagoon สถานที่จอดเรือยอร์ท ของเหล่ามหาเศรษฐี ลำหนึ่งก็หลายร้อยล้าน ถ้ามีโอกาสคราวหน้า อยากเข้าไปดูเหมือนกันครับ(มอเตอร์ไซด์ต้องจอดแล้วเดินเข้าไป แต่รถเก๋งเข้าไปได้ครับ)


ผมมาเที่ยวภูเก็ตกับครอบครัวสี่ถึงห้าครั้ง สมัยที่พี่ชายทำงานเป็นแพทย์อยู่ที่นี่ เลยถามเกี่ยวกับบริษัทเรือที่ไปเกาะพีพี รวมถึงที่พัก เพราะต้องยอมรับว่าหลังจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ข้อมูลที่พักในเกาะพีพี ทางเว็บไซด์บางที่ ก็ใช้ไม่ได้อีกแล้ว(โดนคลื่นซัดไปเยอะเลยล่ะ) (เพื่อนถามผมก็ตอบไม่ได้น่ะครับ เพราะที่เคยพักก็พังไปแล้วซะด้วย ถามไว้เป็นข้อมูล ซึ่งลุงเชาว์ก็แนะนำมาครับ)


ส่วนเรื่องร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็น “เบือทอด” ที่ป่าหลายซีฟู๊ด(ก็คือ หญ้าทะเล นั่นแหละครับ) ยังมีอีกร้านที่ผมชอบมากๆ ชื่อว่า “บังหมุดซีฟู๊ด” ต้องนั่งเรือออกไปกินในแพกลางทะเล อากาศดีมาก อาหารทะเลก็สด อร่อยจริงๆ ราคาไม่แพง(ลุงเชาว์บอกว่า ชาวต่างชาติพอได้มากินร้านแบบนี้ ตื่นเต้นและชอบมากๆด้วย)


มาถึงท่าเรือรัษฎาที่คุ้นเคยดีครับ เรือที่ไปเกาะพีพีก็ต้องมาขึ้นที่นี่ เรือที่ผมไปดำน้ำก็จอดที่นี่ทุกครั้ง ว่าแล้ว ผมขอบคุณลุงเชาว์ก่อนที่เดินต่อไป


ยังไม่โทรหาครูจุ๋มครับ ผมหาที่นั่ง เปิดทีวีในโทรศัพท์สัญญานชัดดีมาก ขอนั่งดู เป้า บุ้น จิ้น
ก่อนดีกว่า มาพอดี(อะไรจะติดขนาดนั้น 55)


จากที่โทรคุยกับครูจุ๋ม ลำสว่างๆด้านหน้าผม ก็คือ เรือ สคูบ้าเน็ต นั่นเอง ผมเดินไปรอเด็กเรือ เอาดิงกี้มารับ ก็พบพี่อำนาจที่มาถึงพอดี


“สวัสดีครับพี่อำนาจ พึ่งมาถึงเหรอครับ”


“สวัสดีครับภพ พี่พึ่งมาถึงเลยละ ออกจาก กรุงเทพตั้งแต่เช้าแล้ว”


นั่งดิงกี้มาที่เรือครับ หญิงร่างเล็กด้านหน้าผม คือ ครูจุ๋ม ที่ผมเคยได้ยินชื่อมานานแล้ว จากในนิตยสารท่องเที่ยว ที่สำคัญๆ ใครๆก็บอกว่า ครูจุ๋มใจดี ทำขนมและอาหารอร่อยมากๆ


“สวัสดีครับ ครูจุ๋ม ผมมาถึงซักพักแล้วครับ แต่ดูทีวีอยู่ด้านนอกน่ะ”


“สวัสดีค่ะ คราวหลังมาดูด้านในเรือก็ได้นะคะ” เธอยิ้มแย้มดีครับ ดูก็รู้ว่าใจดี เธอพาผมมาเก็บสัมภาระที่ห้อง ซึ่งในห้อง รูมเมทของผมมาถึงแล้ว แต่ออกไปทานข้าว ชื่อคุณมนตรีครับ


“ที่นี่พอมีที่ทานข้าวที่ไหนบ้างครับ”


“ทานในเรือได้เลยค่ะ ทานเนื้อได้หรือเปล่าคะ”


“ได้ครับ”


ลาภปากครับ มีกระเพราเนื้อ คะน้าหมูกรอบ ไข่เจียว และข้าวสวยร้อนๆ ตบท้ายด้วยเต้าฮวยฟรุ๊ตสลัดและส้มอีกหนึ่งลูก(ทานอาหารเสร็จ มีตู้เปิด ปิด สำหรับ กวาดเศษอาหารเข้าไปในถัง สะดวกดีครับ)


ผมสังเกตดูด้านบน มีของกินเพียบเลยครับ ทั้งนม ขนมปัง มาม่า น้ำดื่ม ขนมขบเคี้ยว เยลลี่แช่เย็น ผลไม้ เป็นต้น เรียกว่าอุดมสมบูรณ์ดีจริงๆ


กรอกข้อมูลการดำน้ำและบันทึกการยินยอม เรียกว่า การมาดำน้ำ ก่อนเราจะดูแลคนอื่นได้ ตัวเราเองต้องรับผิดชอบตัวเราเองให้ดีด้วยนะครับ


ลงด้านล่าง จะมาประกอบอุปกรณ์ครับ ปรากฎว่า เขาประกอบให้เสร็จหมดแล้ว ดีจริงๆ เลยมาคุยกับพี่อำนาจและพี่ตู่(มาพร้อมพี่อำนาจครับ พี่ตู่ เป็น Divemaster ให้กับกลุ่มที่ห้า(ของผมอยู่กลุ่มแรกเลยครับ มี Leader ชื่อพี่สมนึก)


ผมคุยกับพี่ตู่ เรื่องการดูเข็มทิศ เพราะก่อนมา ผมได้เข็มทิศมาฟรีๆ จากพวงกุญแจสนามเดินป่า ที่มีอยู่แล้ว เลยเอามาติดกับ Dive Computer ซะ จะได้รู้กันว่าพรุ่งนี้น้ำจะเข้าไหม(พี่ตู่บอกว่าน่าจะใช้ได้ครับ แต่อาจจะต้องจำทิศก่อนลงให้ดี เพราะเข็มทิศของผมไม่มีฟันหนูล๊อคทิศไว้น่ะ)


ใกล้ๆพี่ตู่ มีไอ้หนุ่มผมยาวอีกคนครับ(จำชื่อไม่ได้แล้วน่ะ) แต่ไม่ได้ไปสคูบ้าเน็ตครับ จะไปเป็น Staff บนเรือยอร์ทน่ะ


ปกติหน้ากาก ผมจะเอามาติดไว้กับ BCD ครับ แต่พี่อำนาจบอกให้ผมแขวนเอาไว้ก็ได้(มีที่แขวน) ว่าแล้วแกก็เอาฟิน มาให้ผมลอง ก็พอดีครับ สบายมาก


ขึ้นไปสำรวจบนดาดฟ้าครับ ชอบมาก ลมเย็นดี จากนั้น ลงมาเปิดหนังสือสัตว์ทะเลของบนเรือครับ มีปลากับกุ้งอย่างละเล่ม เคลือบด้วยพลาสติค กันเปียกน้ำ(ครูจุ๋มบอกว่า ค่าเคลือบแพงกว่าซื้ออีกครับ) ผมชอบเพราะละเอียดดี ถ้าจำไม่ผิด เคยเห็นบนเรือ เจ้าหญิงน้อยครับ กลับไปผมต้องหาซื้อมาบ้างแล้วล่ะ เห็นว่า Asia Book ก็มี(เล่มกุ้ง ชื่อว่า Crustacea Guide of the World Shrimp , Crabs, Lobsters ,Mantis Shrimps ,Amphipods ผู้แต่งชื่อว่า Helmut Debellus)


ครูจุ๋มบอกว่าควรสนใจสัตว์ทะเลทุกชนิดเพราะมีชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งตรงกับผมพอดีครับ ผมก็ชอบดูทุกชนิด แต่ละไดฟ์ที่ผมลง จึงไม่มีคำว่าผิดหวังครับ เรียกว่ามีอะไรให้ดูอย่างแน่นอน


เท่าที่ผมเห็นส่วนใหญ่ นักดำน้ำบนเรือที่มา จะรู้จักกันหมด(ตรงกับที่พี่อำนาจบอกว่า ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่า) ว่าแล้วก็เปิดอ่านหนังสือปลาไปครับ


บนเรือมีเด็กด้วยครับ คงมาแบบ Non Dive แน่ๆ(พ่อแม่มาดำน้ำ พาลูกมาด้วย) ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นเด็กๆขึ้นเรือมาแบบนี้ครับ


ซักพักชายคนหนึ่งก็เข้ามาคุยกับผม ซึ่งก็คือ รูมเมทของผมนี่เอง


“ชื่อภพ ใช่ไหม ผมมนตรีนะ ขอนอนด้านล่างไม่เป็นไรนะ”


“สวัสดีครับพี่มนตรี ตามสบายเลยพี่”


อ่านหนังสือต่อพักใหญ่ๆ ไปอาบน้ำดีกว่าครับ นั่นรูมเมทผมหลับไปแล้ว เลยปิดไฟดวงใหญ่และเปิดเฉพาะไฟตรงหัวเตียง ระหว่างอาบน้ำ เหมือนผมจะได้ยินว่า พี่ตุ๋งกับพี่ตาลจะมาถึงแล้ว ซึ่งออกไปก็เจอจริงๆครับ


“สวัสดีครับพี่ตาล สวัสดีครับพี่ตุ๋ง ไม่ได้เจอกันตั้งสามปีแน่ะ”


พี่ๆ ดูหน้าใสกันทั้งคู่ครับ ผมแต่งตัวและขึ้นไปด้านบน ทานข้าวต้มหมูร้อนๆ ได้รู้จักกับพี่สมนึก Leader ของผมเอง


“สวัสดีครับพี่สมนึก ผมอยู่กลุ่มพี่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”


อีกคน คือ พี่ป้อม(หนุ่มร่างใหญ่สวมแว่นตาขอบดำท่าทางใจดี และพี่แอ๊นท์(สาวร่างเล็ก เป็นทันตแพทย์)


พี่ตุ๋งบอกว่า พี่สมนึกเป็นตำนานของการดำน้ำ เห็นว่าดำน้ำมานานมาก เชี่ยวชาญ Dive Site และการหาของเป็นอย่างดีเลยล่ะ(พี่ตุ๋งบอกว่าเป็นลูกศิษย์พี่สมนึกด้วยครับ)


นี่ก็เที่ยงคืนแล้วครับ หลายคนทยอยไปพักผ่อน ดูในตาราง พรุ่งนี้ มี Briefing ตอน 07:20 น(ค่อนข้างเช้าครับ) ผมว่าผมรีบไปนอนพักผ่อนดีกว่านะ(ยังมีคนที่ยังมาไม่ถึงด้วยล่ะครับ)


ก่อนนอนก็คุยกับครูจุ๋มและพี่สมนึก อีกเล็กน้อยครับ(มองเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนกำลังจะขึ้นเรือ Speed Boat ด้วย อาจไปเกาะพีพีก็ได้นะ)


31 ธันวาคม 2551

ตื่นก่อน 7 โมง เช้า ครับ นอกจากจะมี Briefing แล้ว ต่อไปนี้ เวลามาดำน้ำ ผมจะต้องตื่นเช้ากว่าทุกครั้ง เพราะมีกล้องและ Housing ที่จะต้องมาประกอบกัน


ขนหนังสือมาหลายเล่มครับ จุดประสงค์นอกจากจะอ่านเอง ก็อยากให้เพื่อนๆบนเรือได้อ่านกันด้วย เอาใส่เป้ แล้วขนขึ้นไปด้านบนดีกว่า


เริ่มจากนำยาง โอ-ริง ออกมา ทาซิลิโคน ลูบไปลูบมา สังเกตว่า ไม่มีเส้นผมและเม็ดทราย จากนั้นนำมาประกอบกับกล้อง จากนั้นก็นำกล้องมาใส่ ปิดให้สนิท แล้วลองไปแช่ถังน้ำด้านล่าง


เหมือนมีฟองอากาศขึ้นมานิดๆครับ ไม่แน่ใจว่าน้ำจะเข้าไหม เลยให้พี่ตู่ช่วยดูให้ พี่ตู่บอกว่า ไม่เป็นไรครับ ผ่านฉลุยแบบนี้ ก็ขึ้นไปด้านบนดีกว่า


กลุ่มดำน้ำจะแบ่งเป็น 5 กลุ่มครับ กลุ่มแรกมี พี่สมนึก เป็น Leader ตามด้วยพี่แดง พี่กอลฟ์ พี่อู๊ด นัท ผม และพี่มนตรี


กลุ่มที่สอง จะมี พี่ป้อม พี่แอ๊นท์ พี่ตุ้ม


กลุ่มที่สาม มีครูตุ๋ม เป็น Leader ตามด้วย พี่ตุ๋ง พี่ตาล หยก พี่บิ๊ก พี่พัช


กลุ่มที่สี่ มีพี่อำนาจ เป็น Leader ตามด้วย พี่หมอพี พี่ตา เฮียหมี พี่ตุ๊ก เฟิร์ส พี่ป๊อก เฮียช๊วนและพี่แอ๋ว


กลุ่มที่ห้ามีพี่ตู่ เป็น Leader ตามด้วย พี่เล้ง พี่ขวัญ เจี๊ยบและฮิเดกิ


โดยกลุ่มพี่สมนึก จะลงพร้อมกับกลุ่มพี่ป้อม(กลุ่มหนึ่งลงพร้อมกลุ่มสอง) กลุ่มครูตุ๋มลงพร้อมกลุ่มพี่ตู่(กลุ่มสามลงพร้อมกลุ่มห้า) ปิดท้ายด้วยกลุ่มพี่อำนาจ (เหมือนจะเยอะครับ จริงๆก็มีลงกันสามกลุ่มแหละ)


แต่ไดฟ์แรกของแต่ละวัน จะให้กลุ่มของพี่อำนาจลงก่อนครับ เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องขึ้นมากินยาก่อนอาหาร ส่วนไดฟ์ต่อไปก็เป็นกลุ่มพี่สมนึก(กลุ่มผมนี่แหละ)ที่ต้องลงก่อนทุกไดฟ์


“Briefing ค่ะ” เสียงหวานๆ และยิ้มแย้มของครูตุ๋มครับ


ครูตุ๋มบอกว่า ไดฟ์แรกเราจะลงดำน้ำกันที่เกาะห้าใหญ่ ให้ดำไปทางทิศตะวันออก ไหล่ซ้ายอยู่ติดแนวปะการัง สัตว์ทะเลก็เช่น กัลปังหา ปะการังอ่อน และ ปลาหิน โดยมี Max Depth อยู่ที่ 25 เมตร และ Max Time อยู่ที่ 50 นาที


พูดถึงเกาะห้าใหญ่ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะห้า ผมเคยได้ยินชื่อมานานครับ อยากมาดำน้ำแถบนี้มากๆ คราวนี้สมใจซะที มองจากด้านบนแล้ว ตัวเกาะก็ใหญ่สมชื่อจริงนะ


ลงมาด้านล่าง ผมถึงทราบว่า การที่นำหน้ากากมาแขวนไว้นั้น มีความหมายครับ เพราะบนเรือ Scubanet มีการ Clean mask ให้ด้วยล่ะ(ไม่เคยเจอมาก่อนเลยครับ) หลายคนอาจคิดว่า แค่นี้ทำเองไม่ได้หรือยังไง ทำเองก็ได้ครับ แต่สำหรับผมที่เป็นคนแต่งตัวช้า การทำแบบนี้ ช่วยให้เร็วขึ้นเยอะเลยล่ะ(จุ่มน้ำ ล้างอย่างเดียว)


ส่วนเข็มขัดตะกั่ว ดีมากเลยครับ เพราะจะมีเลขติดอยู่ แค่จำเลขให้ได้ว่าเราใช้เลขอะไร ก็ใช้เลขนั้นไปตลอด ไม่ปนกับของคนอื่น ไม่ต้องนั่งหาให้ปวดหัว ไม่ต้องให้พี่ๆ Staff ช่วยใส่ตะกั่วให้ใหม่


ขณะที่ผมกำลังหา Fin พี่อำนาจก็หยิบให้ทันทีเลยครับ สะดวกจริงๆ(แกเป็นคนจัดอุปกรณ์ให้ผม ทำไมจะไม่รู้ล่ะ)


กลุ่มพี่อำนาจลงไปแล้ว ผมไปประจำการที่ชุด โดยมีพี่ Staff ช่วยเปิดแขน BCDให้(มีน้ำมา เสริฟด้วยครับ ดีจริงๆ)


ผมติดที่เกี่ยวกล้องไว้ที่ BCD และที่ข้อมือ พร้อมแล้ว เราลงไปสำรวจความงามของเกาะห้าใหญ่กันเลยครับ