Tuesday, November 27, 2007

Dive Sanook สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง


คราวที่แล้ว ผมพูดถึงร้านดำน้ำ Dive info ที่เปิดอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าชิดลม เดินทางสะดวกสบาย หวังว่าคงยังจำกันได้นะครับ


จริงๆ ผมทราบจากพี่ตาม รุ่นพี่ในวงการดำน้ำว่า ยังมีอีกร้านดำน้ำอีกที่หนึ่ง เปิดอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงด้วย ร้านนี้ชื่อว่า Dive Sanook


พี่โหน่ง ตั้งใจจะซื้อหน้ากากดำน้ำ(mask) ในวันนี้ แน่นอน หลังจากเสร็จธุระ พาแม่มาเข้าฟังสัมมนาโรคมะเร็งปอดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์(สถาบันมะเร็งจัดกับบริษัทยาครับ) ผมก็ตามมาสมทบ ที่สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง


ร้านนี้หาไม่ยากครับ ลงสถานีมาก็พบเลย ด้านนอกร้านแต่งได้หรูหราดีทีเดียว มีทีวีจอใหญ่ เปิดวิดีโอโลกใต้น้ำให้ดูด้วย(ดึงดูดใจสุดๆครับ) ที่ด้านในมีพนักงานขายอยู่ 1 คน อัธยาศัยดีด้วยครับ


อุปกรณ์มีเยอะ ทั้ง หน้ากาก, ท่อหายใจ, เรคกูเลเตอร์, BCD, เสื้อยืดลายสวยๆ, สมุด log book เป็นต้น


พี่โหน่งได้หน้ากาก สมใจอยากครับ ยี่ห้อ xs scuba (ลด 20 เปอร์เซนต์ ราคากำลังดีครับ ส่วนน้ำจะเข้าหรือไม่ ต้องลองดูครับ ผมว่ายี่ห้อดีๆ น้ำเข้าก็เห็นมาหลายคนแล้ว 555 )


ผมสงสัย เกี่ยวกับยี่ห้อว่า เกี่ยวอะไรกับ เอ๊ก-ไซด์ ไดฟวิ่ง หรือเปล่า ก็เกี่ยวครับ หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อ ครูบอย เอ๊ก-ไซด์ ไดฟวิ่ง แต่ถ้าบอกว่า “เกาะเหลาเหลียง” ผมว่า หลายคนรู้จักนะครับ


ผมได้เสื้อ I love scuba มา 1 ตัว ราคาไม่แพง สีสวยดี ในร้านยังมีโปรแกรมทริปดำน้ำ เรือต่างๆ ค่อนข้างหลากหลายครับ มีทริปไปฉลองที่เกาะเหลาเหลียงด้วย ดำน้ำกี่ไดฟ์ก็ได้(อันนี้น่าสนมากครับ 555)


เคยได้ยินว่า ที่นั่น มีปลาการ์ตูน และทากแปลกๆให้ดูเยอะเชียว บรรยากาศดีมากๆด้วย


ในอนาคต ผมคงไม่พลาดที่จะไปแน่นอนครับ


และนี่เป็นอีกหนึ่งร้านดำน้ำ ที่เดินทางสะดวก


ใครชอบเดินทางรถไฟฟ้า ไม่น่าพลาดครับ

คาวาอี้ คัตโตะ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย





แม้จะจบจากที่นี่มาหลายปี แต่ผมก็ยังเข้าไปอ่านหนังสืออยู่บ่อยๆครับ บางทีเวลารำคาญ ก็หาร้านตัดผมที่นี่ซะเลย



ถิ่นมหาวิทยาลัยแบบนี้ นอกจากจะมีสาวๆ สวยๆ ขาวๆ แต่งตัวฟิตๆ(เอ้ย 555) อาหารการกินก็อร่อยทั้งนั้นครับ



ร้านที่ผมตัดอยู่ประจำ ดันไม่มีช่างซะนี่ เลยลองเดินหาร้านอื่น หวยมาออกที่ร้าน คาวาอี้ คัตโตะ(ดูจากหน้าร้าน ราคาย่อมเยา ก็เข้าเลยครับ)



สาวสวยคนนึง กำลังตัดอยู่ พอเธอตัดเสร็จ เมื่อเธอลุกขึ้น หัวใจผมก็ลงไปกองบนพื้นเรียบร้อย หน้าตาดี หุ่นก็ดี แต่งตัวแนวญี่ปุ่น เกาหลี ตามเทรนวัยรุ่นเขาล่ะ (555)



เริ่มจากการล้างผมที่ดูจะธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่พอช่างทำผมสาว หยิบกรรไกรมาซอยผมออก ผมก็รู้สึกถึงความแตกต่างทันที



“กรรไกร ที่ใช้ตัด ไม่ธรรมดา”



เวลาตัดดูเป็นมืออาชีพ ซอยผมออกเหมือนปุยนุ่น(ไม่ได้ยินเสียงผมโดนตัดเลยครับ) แถมใช้เวลารวดเร็ว ผมยาวเท่าๆกัน โดยที่ไม่แหว่ง(ก่อนหน้านี้ มีแบบมาให้เลือก แต่ผมก็ไม่ได้เลือกครับเพราะหล่อไม่เท่านายแบบ แถมผมจะตัดให้สั้นๆ ด้วยน่ะ 555)



พึ่งทราบว่า ร้านนี้ย้ายมาจากสุขุมวิท เจ้าของร้านเป็นคนญี่ปุ่น เรียกว่ายกร้านแบบญี่ปุ่น มาเมืองไทย คงไม่ผิดนัก(ร้านอยู่ โอซาก้า มั้งครับ ถ้าจำไม่ผิด)



ร้านจะมองเห็นได้จากมุมถนน ถ้าเห็นร้านหนังสือนายอินทร์แล้ว เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นทางแยกซ้ายมือ เดินเลี้ยวซ้ายจะอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ



ก่อนตัด ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่า เข้ามาในร้านตัดผมเทรนวัยรุ่นเรียบร้อย แถมราคาต้องบอกว่า เท่าๆร้านตัดผมข้างนอก ไม่ได้แพงเกินไป ถูกกว่าบางร้านเสียด้วยซ้ำ



ผมคุยกับพี่ๆ จนลืมจ่ายเงิน เช่นกัน พี่ๆก็ลืมคิดเงิน 555



ผมเดินกลับมาจ่าย พี่ช่างทำผม ออกมาดู นึกว่าผมจะชิ่งหนีไปซะแล้ว



“ผมเป็นนักกฎหมายนะครับ เรื่องแบบนี้จะทำได้ยังไง” นั่นเป็นคำพูดที่ผมภูมิใจ ผมเรียนมาในสายนี้ ย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แม้จะเป็นความผิดทางแพ่ง(ผิดสัญญา) ผมก็ไม่ทำเด็ดขาดครับ



สาวๆหนุ่มๆ อยากหาร้านตัดผมดีๆ ราคาไม่แพง เชิญนะครับ




ร้าน Cawaii Cut To มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย



084-9290323(พี่อุ้ม)



086-0929031(พี่ออย)

Tuesday, November 13, 2007

ชีวิตอีกด้านหนึ่ง ที่สีลม


ต่อเนื่องมาจากร้านข้าวมันไก่สุดอร่อย แวะร้านกาแฟ 1 ร้าน ผมกับพี่โหน่งกำลังเดินดูของ เพื่อย่อยอาหาร ที่นี่มีของขายเยอะ ทั้งเสื้อผ้า โคมไฟ ซีดีเพลง เป็นต้น ลมเย็นๆ พัดมา บรรยากาศเหมือนที่เชียงใหม่ ไนท์ บาร์ซ่า เหมือนกันนะ มีชาวต่างชาติเดินด้วยนี่นา


ชายหลายคน ท่าทางลับๆล่อ ในอุ้งมือ เผยเศษกระดาษเล็กๆ(เขียนว่า DVD) พร้อมชักชวนให้ผมเข้าไปซื้อ ก็ไม่แปลกครับ ที่ไหนก็มี แต่มีคำว่า Sex ต่อท้ายด้วยซิ 5555(นึกถึงเวลาไปพันธ์ทิพย์ พลาซ่า แล้วมีคนบอกว่า โป๊ไหมน้อง นั่นแหละครับ 555)


ชีวิตกลางคืนที่นี่ ผมไม่ค่อยได้มาสัมผัสเท่าไรครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางผ่านขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน กลับบ้าน จะให้ตั้งเป้ามาเดินล่ะ ไม่มีทาง(เงินทอง เก็บไว้เวลาไปเที่ยวทะเลครับ ไม่ค่อยได้เที่ยวกลางคืนอยู่แล้ว)


เดินเข้าไปในซอยนึง ด้านขวามือ ก็มีแผงขายของทั่วไป แต่ด้านซ้ายมือซิครับ เด็ดมาก เพราะจะมีคนชักชวนเข้าร้านพร้อมบอกว่า


“ดู Show ไหมน้อง” (พร้อมยกนิ้วโป้ง)


ประตูแต่ละร้าน ส่วนใหญ่ เปิดโล่งโจ้งครับ ผมมองเข้าไปภายใน มีสาวสวย หุ่นดี(จริงๆ) ในชุดทูพีช เต้นพร้อมกับรูดเสาไปด้วย(ชอบไหมล่ะครับ 555)


แต่ละร้าน การสวมชุด และสาวนักเต้นก็ไม่เหมือนกัน บางร้านสีแดงทั้งชุด บางร้านสีขาวทั้งชุด ผมอึ้ง ทึ่ง เสียว กับลีลาของเธอ เพราะบางคนไปเป็นนางแบบ หรือเป็นนักแสดงได้สบายๆ (แต่บางคน พุงก็ย้อยมาก น่าจะปลดเกษียณได้แล้ว ว่าแต่ เกษียณตอนอายุเท่าไรล่ะครับ 555)


ชาวต่างชาติที่เดินที่นี่ ก็คนละแบบกับที่เห็นตามเกาะนะครับ ทั้งสัก ทั้งสูบบุหรี่ (จะให้เหมือนกัน คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว


ผมพึ่งทราบภายหลังว่า ซอยที่ผมเดินอยู่ นั่นแหละ คือ พัฒน์พงษ์ ที่เลื่องลือ


ในฐานะ นักกฎหมาย เรื่องข้อกฎหมายผมขอไม่พูดแล้วกัน เพราะมีอะไรให้ขบคิดอีกเยอะครับ เช่นเดียวกับหลายๆที่ อย่างพัทยา นั่นก็ใช่(บางเรื่อง กฎหมายอย่างเดียว มันก็ตอบคำถามไม่ได้ทั้งหมดครับ มันเป็นอะไรที่ฝังลึกน่ะ)


นี่ คือ ชีวิตอีกด้านหนึ่งของสีลม ที่ผมไม่เคยเห็น


แต่ Night life ที่นี่ ก็เป็นห้องเรียนอย่างดีของผม ในการสำรวจโลกกว้างครับ

ข้าวมันไก่ คอนแวนต์ อิ่มกายและอิ่มใจ


ต่อเนื่องจากการไปสำรวจอุปกรณ์ดำน้ำ ผมกับพี่โหน่งนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีศาลาแดง มาหาข้าวกินที่สีลมครับ(ผมรู้นะ จะบอกว่า สีลมซอย.... ใช่ไหมล่ะ 555)


หิวมากครับ จำได้ว่ามีร้านข้าวหมูแดงอร่อยๆ อยู่ แต่กว่าจะรู้ตัวก็เดินผ่านไปแล้ว มาเจอร้านบะหมี่หมูแดงอยู่ แต่ไม่แวะ เพราะไม่มีข้าวขาย(แล้วจะบอกทำไมเนี่ย)


ข้าวมันไก่คอนแวนต์ ร้านรถเข็นเล็กๆ ผมตัดสินใจกินร้านนี้ครับ พอนั่งที่โต๊ะ สายตาผมก็สป๊าคกับสาวที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่(สังเกตว่า เธอก็มองมาพอดี แต่เธอคงไม่คิดอะไรครับ)


“โอย น่ารักมาก” ผมคิดในใจ


เริ่มจากการสั่งข้าวมันไก่ทอด พอจะสั่งน้ำดื่ม ผมก็ขำซะงั้น


“ มีน้ำอะไรบ้างครับ” ผมถาม(ตอนนี้ ผมเริ่มขำแล้ว)


“น้ำ เปล่าแล้วก็เป๊บซี่ค่ะ” เธอตอบ และยิ้มๆ


“ไม่มีสไปร์ทเหรอครับ” ผมถามอีก คราวนี้กลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้ว(มีอะไร น่าตลกเนี่ย)


“ไม่มีค่ะ” เธอกลั้นหัวเราะไม่อยู่เหมือนกัน


ข้าวมันไก่ทอดชั้นเทพครับ อร่อยมาก ผมซัดไป 2 จาน ไก่ทอดอร่อยมาก มีกระเทียมเจียวโรยด้วย(มาขายที่หน้าบ้านผมทีเถอะ อร่อยมากๆ)


ส่วนพี่โหน่ง ดูแกจะรู้ใจผมว่า ร้านนี้ไม่ใช่แต่ข้าวมันไก่ที่อร่อยแน่ๆ(มองหน้า พี่ก็รู้แล้วน้อง)


พึ่งทราบจากพี่โหน่งว่า ด้านในซอยจะมีโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์อยู่ด้วย ถ้าให้ผมเดา เธอคงมาช่วยแม่ขายของ และอาจจะจบมาจากที่นี่ด้วย(มั้งนะครับ อาจผิดก็ได้)


มาช่วยพ่อแม่ ขายของแบบนี้ น่าชื่นชมครับ


แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม มาที่นี่คราวหน้า ผมมีเป้าหมายเรื่องที่กินแล้วครับ 555


ใครผ่านไป ก็อย่าลืมแวะไปกินนะ ผมว่าอร่อยมาก(ก่อนออกจากร้าน ผมไม่ลืมบอกน้องคนนี้ว่า ข้าวมันไก่ทอดอร่อยมาก)


ถ้าเห็นผม ถูกแฟนน้องคนนี้ ตีหัว อย่าลืมช่วยแจ้งตำรวจด้วยนะครับ(5555)

Dive info สถานีรถไฟฟ้าชิดลม


สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ทรมานตนเอง กับการวิ่ง 10 กิโล(ปีนี้ทำเวลาดีกว่าทุกปีครับ 55) ผมออกมาเป็นเพื่อนพี่โหน่งหาร้านดำน้ำ พี่โหน่งอยากดูอุปกรณ์หลายอย่าง ซึ่งหลายร้านปิดวันอาทิตย์ครับ


หวยมาลงที่ร้าน Dive info สถานีรถไฟฟ้าชิดลม ผมไม่ทราบหรอกว่า อยู่แถวไหนของสถานีชิดลม ก็ได้แต่ลองโทรศัพท์ถามพี่ที่ร้านดู


มาถึงสถานีชิดลม เลยลองโทรอีกครั้งครับ มองไปมองมา(ถ้าเป็นงู ผมคงโดนฉกตายไปแล้ว) มันอยู่ด้านหน้าผมนี่เอง(อยู่ภายในสถานีรถไฟฟ้าชิดลมเลยครับ) ยังมองเห็นคนที่คุยโทรศัพท์กับผมอยู่เลย


พี่ปลาแห่ง Dive info สาวหน้าขาวๆ ออกมาต้อนรับด้วยความยิ้มแย้ม แม้ในร้านจะไม่ใหญ่มากนัก แต่อย่าดูถูกอุปกรณ์ในร้านเชียว ทั้ง Dive computer , Wetsuit , Fin , BCD ,ไฟฉาย และอื่นๆอีกมากมาย


โดยเฉพาะแว่นขยาย(สำหรับดูสัตว์ตัวเล็กๆ) ก็ยังมีขายด้วยแฮะ 555


พี่โหน่งสนใจ Dive computer แว่วมาว่า คงจะใช้รุ่นเดียวกับผม เป็นแน่แท้ เพราะ gekko ก็ดูจะใหญ่เกินไป Stringer ก็ดูจะแพงเกินไป เจ้ายุง คงเหมาะที่สุดแล้วครับ ใส่ออกไปนอกบ้านได้สบายๆ


มีรองเท้าแตะสวยๆ อยู่ พี่ปลาบอกว่า เชฟในร้านอาหาร นิยมใส่เลยล่ะ นอกจากสวยแล้วก็เกาะพื้นดีซะด้วย(ล้มในครัว คงดูไม่จืดแน่ครับ) ตอนแรกผมนึกว่า จะมีแต่คนดำน้ำเสียอีก ที่เข้ามาซื้อ


พี่ปลาบอกอีกว่า วันธรรมดาจะมีน้องอีกคนมาอยู่ ส่วนวันหยุด พี่ปลาจะมาอยู่แทน ผมคุยกับพี่โหน่งว่า ขายของแบบนี้ก็น่าสนุกดี


“ ภพ เอ๊ย ไม่หนุกหรอกน้อง พี่ขายของอยู่ พี่รู้ดี จะไปไหนก็ไม่ได้” พี่โหน่งเล่าถึงประสบการณ์ขายของ ที่มีแต่คนหน้าถึกๆ มาซื้อของ(ถ้ามีสาวๆ มาซื้อ ผมว่าคงมีชีวิตชีวาขึ้นครับ 555)


การเดินทางแสนสะดวกสบาย แบบนี้ ผมคงมา Dive info อีกแน่นอน ใครสนใจอุปกรณ์ดำน้ำ ลองแวะเวียนมาที่ร้านนี้ได้นะครับ ทิ้งท้ายที่


“ผมว่า เคยเห็นหน้าพี่ในงาน TDEX นะครับ” ผมกล่าวด้วยความคุ้นๆก่อนจะออกจากร้าน


“พี่ไม่เคยไปงาน TDEX จ๊ะ” พี่ปลาตอบ


แป่วๆๆๆๆ หน้าแตกแบบไม่ต้องเย็บ แต่เธอก็ยิ้มแย้มดีครับ

Friday, November 02, 2007

เปิดโลกทะเล......ระยอง(2)







Dive 1 ลูกปลาผีเสื้อแปดขีด!

เราลงกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ครับ แม้น้ำจะไม่ใสมาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดขุ่นจนเกินไป ผมพยายามมองรอบข้างเพื่อไม่ให้หลุดกับ Leader แต่ถ้าหลุด ก็มองหานักดำน้ำที่มากประสบการณ์กว่า ถ้าหลุดจากทุกคนจริงๆ ก็ต้องทำตามกฎ คือ ขึ้นสู่ผิวน้ำครับ ระหว่างดำ ผมเหลือบไปมองพี่โหน่ง เป็นระยะ ให้เห็นในระดับสายตา(แค่นั้นก็พอครับ) พี่โหน่งดำนิ่งมาก จนไม่น่าเชื่อเลยว่า พึ่งจบ Open water มาหมาดๆ

ในแนวปะการัง ผมเห็นลูกปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded Butterflyfish) ครั้งแรกในชีวิต ทุกทีเคยเห็นแต่ขนาดวัยเจริญพันธุ์ ไม่ว่าจะไปที่พัทยาก็ตาม เคยได้ยินว่า ในวัยเด็กลูกปลาผีเสื้อแปดขีดจะชอบแอบซ่อนอยู่ในแนวปะการัง ก่อนที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก(คราวก่อนพี่ๆ ที่ไปก็ถ่ายรูปมา พอเห็นแล้ว เลยจำได้ครับ)

ด้านหน้าผม มีดอกไม้ทะเลอยู่ครับ ภายในจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก เจ้าเก่า ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง(Pink Anemonefish) แม้จะไม่มากเท่าที่ชุมพร หรือที่เกาะยักษ์ จ. ตราด แต่ก็ทำให้หายคิดถึงพวกเขาไปได้ครับ

ดำต่อมาเรื่อยๆ มีฟองน้ำครก(Barrel sponge)อยู่ ผมเลยลองสำรวจด้านใน มีปูขนาดเล็กอยู่ 1 ตัวครับ แต่ยากในการแยกชนิดเพราะไม่มีกล้องถ่ายรูป อีกทั้งตัวปู อยู่ด้านในสุดเลยครับ(ยิ่งดูยากเข้าไปใหญ่)

ในแนวปะการัง ย่อมมีนักล่า ถ้าผมไม่พูดถึงก็แปลกครับ คราวนี้เป็นปลากะรังท้องกำปั่น(Blue-Lined Rockcod) ผมไม่ค่อยคุ้นตัวนี้เท่าไร จะคุ้นกับปลากะรังลายนกยูง(Peacock Grouper)มากกว่า แต่จริงๆ ผมอาจเคยเห็นพวกเขาแล้วครับ เพียงแต่ว่าสับสนในลายของลำตัว พอมีรูปจากพี่ดาวมายืนยัน ทำให้ค่อนข้างมั่นใจ

อีกหนึ่งเจ้าเก่าที่มักอยู่คู่กับแนวปะการัง นั่นคือ ปลาสลิดหินครับ 2 ชนิดที่ผมเจอที่นี่ คือ ปลาสลิดหินบั้งหลังเหลือง(Indo-Pacific Sergeant) ตัวนี้ทุกคนจะคุ้นกันดี ที่ชอบมากินขนมปังน่ะครับ อีกชนิด คือ ปลาสลิดหินสามจุด(Three-Spot Dascyllus) ลำตัวสีดำและจุดสีขาว คือ จุดเด่นของปลาสลิดหินชนิดนี้ครับ

ฝูงปลากลางน้ำก็เข้ามาเหมือนกันครับ คือ ปลากล้วยฟ้าหลังเหลือง(Yellowtop Fusilier) แถบสีเหลืองและฟ้าบนลำตัว คือ จุดสังเกตง่าย เวลามาเป็นฝูง อลังการมากครับ ครั้งแรกที่ผมเห็นเจ้าปลากล้วยชนิดนี้ ตั้งแต่ไปดำน้ำที่เกาะสุรินทร์ครับ น่าจะเป็นที่หินแพ(บางคนก็เรียกหินกองครับ)

กลับมาในแนวปะการังครับ อย่าพึ่งไปกลางน้ำ ผมพยายามมองหาปู Zebra crab ในเม่นทะเล(Sea Urchin) ไม่ก็ปลาอกดูด เผื่อจะเจออะไรบ้าง ก็ยังไม่เจอครับ แต่เจอนักทำความสะอาดอย่างปลาพยาบาล(Bluestreak Cleaner Wrasse) และปลาผู้รักลูกอย่างปลาอมไข่ห้าเส้น(Five-Lined Cardinalfish) และปลาอมไข่ยักษ์(Large-Toothed Cardinalfish)แทนครับ

นอกนั้นก็เป็นปลานกขุนทองเขียวพระอินทร์(Cressent Wrasse) และปลากระรอกลายแดง(Redcoat) ครับ

ช่วงแรก ผมตามพี่เอ(พอแกตั้งท่าถ่ายรูป ผมก็แอ๊คท่าทันที) พอน้ำเริ่มขุ่นทำให้หลงกับแก แต่ก็มาเจอพี่นัท 20 นิ้ว( พร้อมกับ พี เจ และพิชชู่) จึงมาตามพี่นัท 20 นิ้ว แทน(จำได้ว่า เห็นน้องเน แว๊บๆ โชคดีว่าไม่เห็นตอนเต้นใต้น้ำ มีพี่โหน่งเป็นผู้โชคดีคนเดียว 555)

น้ำเริ่มตื้นอยู่ๆเราก็มาโผล่ที่ปากถ้ำ น้ำตื้นมาก ต้องเดินเล็กน้อย ก่อนที่พี่นัท 20 นิ้ว ให้สัญญาณลงไปด้านล่าง ไปทางซ้ายมือ ก่อนจะขึ้นเรือ ผมรู้สึกคลื้นไส้(โชคดีที่กินไม่เยอะ) น้ำตรงนี้โชคดีที่มีแต่หิน ขืนมีเม่นทะเล ได้เจ็บตัวแน่ๆครับ 555

พอลงไปด้านล่าง พี่นัท 20 นิ้ว พร้อม พี เจ พิชชู่ หายไปหมดจริงๆอาจอยู่ไม่ไกลครับ แต่ทัศนวิสัยไม่ดีน่ะ โชคดีเจอนักดำน้ำคนหนึ่ง โพกหัวนีโม หาของอยู่ ผมเดาว่าเป็นพี่ดาวและก็ใช่จริงๆครับ เลยขอเกาะติดตามแกไว้ก่อน

ระหว่างนี้ ผมพบกับหนอนพู่ฉัตรสีเหลือง(Christmas tree worm) สัตว์ทะเลที่ว่ากันว่า ไม่มีแนวปะการังใดปราศจากพวกเขา ดูๆไปก็สวยดีเหมือนกันครับ

ซักพักพี่โหน่งบอกเหลืออากาศ 50 ก็เลยขึ้นด้านบนดีกว่า ไม่ต้องทำอะไรมากมาย น้ำไม่ถึง 10 เมตรครับ เห็นเรือ เดอะทอย แล้ว จึงค่อยๆ ตีขาไป พอใกล้ๆ ปรากฎว่าไม่ใช่ครับ นี่มันเรือ เดอะทอย 1 นี่นา(แห้วรับประทาน) เลยต้องตีขา ไปที่เรืออีกลำครับ(ของเรา เดอะทอย 2 )

แม้แดดจะร้อนแต่น้ำนิ่งมากครับ(แต่ไม่ไหลลึกนะ) ช่างมีความสุขเสียจริงๆ

ขึ้นมาเปลี่ยนแท๊งค์สำหรับลงไดฟ์ต่อไปไว้ จะได้ไม่เสียเวลาครับ ผมถอด Wetsuit ออก(พยายามไม่ใส่ทิ้งไว้ครับ หลังจากคราวก่อนทำสถิติใส่ตั้งแต่เช้า ถอดตอน 4 ทุ่มกว่า 555 ผลคือ คันครับ)

อาการกลางวัน น่าจะเป็นต้มยำทะเล กับไข่เจียว(จำได้แค่นี้ครับ) โดยเฉพาะไข่เจียว ไม่กล้ากินเยอะ นึกถึงวีรกรรมที่โลซินแล้วสยอง พีบอกผมว่า “ชั้นยังจำได้อยู่เลย พอไข่เจียวออกมา รีบหันไปทางอื่นเลยล่ะ ปลามาตรึม 555”

ด้านล่างเห็นพี่เนตรทำท่าจมน้ำ จริงๆ นี่เป็นการสอบ rescue ของนายสี่เขาต่างหาก(เข้าใจเลือกพี่เนตรครับ ตัวใหญ่แบบนี้ ทดสอบความฟิตดี จริงๆ พี่ป้อมน่าจะเป็นคนจัดการมากกว่านะ 555)

เดอะทอย 2 ขยับมาจากเกาะทะลุไม่ไกลนัก ก็มาหยุดที่จุดดำน้ำไดฟ์ต่อไป เรียกว่า หินทุ่น

“ไดฟ์ต่อไปเตรียมตัวครับ” พี่ป้อมบอก

หลายคนบอกว่า “ถึงเวลาแล้วอีกแล้วเหรอ”(นัยยะว่า ยังไม่หายเหนื่อยเลย)


Dive2 ขุ่นกว่านี้มีอีกไหม!!!!

เราออกมารวม เป็นกลุ่มใหญ่ครับ ก่อนจะค่อยๆลงสู้ด้านล่าง ผมรีบแต่งตัวโดยที่ไม่ได้ Clean mask ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมหันต์ครับ

ด้านล่างน้ำขุ่นมากอยู่แล้ว(ขุ่นยิ่งกว่าตอนไปดำที่เกาะอีเลา ลอยตัวไปตามกระแสน้ำอย่างเดียว) พอมารวมกับหน้ากากเป็นฝ้า ยิ่งแล้วใหญ่ครับ กลายเป็นว่า ผมเห็นน้ำขุ่นกว่าคนอื่นๆ หากจะเห็นปะการัง ต้องยื่นหน้าเข้าไปประมาณ 1 ศอก ถึงจะเห็น ส่วนถ้าจะเห็นคนอื่นๆ ไกลเกิน 1 เมตร ก็มองไม่เห็นแล้วครับ

รอบๆ จำได้ว่า มีเดียร์ แว๊บ เจี๊ยบ นายสี่ พี่จิน น้องเดียว (โกนหัวแบบนั้น จำง่ายมากครับ) ส่วน 2 หมอ (wet suit สีส้ม เด่นมากเลยล่ะ ) ทุกคนว่ายโฉบไป โฉบมา เพราะไม่รู้จะไปทิศไหน

มีเพียงพี่จินนี่ของเรา ที่ดูเข็มทิศอยู่ จึงเป็นผู้นำ พาน้องๆไป ถึงได้ฤกษ์ออกเดินทาง และแล้วก็มาเจอกับกลุ่มพี่นัท 20 นิ้ว พี เจ พิชชู่ ซักพักก็ไม่เห็นพี่จินแล้ว(บอกแล้วครับ น้ำขุ่นจริงๆ)

ไปเรื่อยๆ สวนกับพี่ป้อม จับมือกัน 1 ที แล้วแกก็หายไปในความขุ่นของน้ำทะเล

กลับมาผมมาอยู่กับกลุ่มพี่จินอีกครั้ง แล้วกลับมาอยู่กับกลุ่มพี่นัท 20 นิ้ว อีกที(เอ๊ะ ยังไง) ผมว่า จริงๆ เราคงดำไม่ไกลกันครับ ระยะ 4-5 เมตร แต่ความที่ว่า น้ำขุ่นมาก(ข้างบนผิวน้ำนี่นิ่งสุดๆแต่ข้างล่างนี่ ......) ทำให้เรามองเห็นกันค่อนข้างยาก

ส่วนสัตว์ทะเลที่ผมเจอเหรอครับ เริ่มจากปะการังแผ่นตั้ง(Coral foliose) ปะการังแผ่นนอน(Coral tabulate) ปะการังก้อน(Coral massive) และปะการังพุ่ม(Coral submassive) สังเกตดูว่า ตามปะการังมีน้ำเชื้อออกมาด้วยนะ(อันนี้เจี๊ยบบอกทีหลังครับ ผมนึกขึ้นได้ด้วย ว่าใช่) จริง dive site นี้ผมว่าไม่เลวครับ น่าจะมีอะไรๆดูเยอะมาก ติดตรงที่ว่ามาตอนน้ำขุ่นพอดีนี่แหละครับ เลยทำให้การมองเห็นลำบากนิดนึง(ภาษาวัยรุ่นว่า นีส...นึง)

ทีเด็ดอยู่ที่กุ้งตัวใสในดอกไม้ทะเลครับ พอผมเห็นครั้งแรก อยากจะไปดูอีกครั้ง mask ที่เป็นฝ้าก็หลอกตาเสียอีก หลอกตานึกว่าแมงกระพรุนลอยมา (ถามพี่นัท 20 นิ้ว ตอนขึ้นมา แกยืนยันว่า กุ้งใสๆ ถูกแล้วน่ะน้อง ตาไม่ได้ฝาดไป)

นอกจากนั้นก็เห็น ปลากะรังท้องกำปั่น(Blue-Lined Rockcod) แส้ทะเล(Sea whip) ปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded Butterflyfish) ทั้งตัวลูกและตัวแม่ครับ

ไม่นานนัก ผมก็หาคนอื่นไม่เจอเลย สิ่งที่ต้องทำ คือ ขึ้นครับ แต่ความกลัวหายไปหมด เพราะผมมีประสบการณ์ประเภทนี้หลายครั้ง ก็จุด sausage ซะหน่อยดีกว่า ออกมาไกลๆ แนวปะการัง กลัวว่าส่วนปลายเส้น ที่มีเหล็กถ่วงไว้ จะโดนหัวคนอื่นครับ

แต่คงปล่อยลมน้อยไป ไส้กรอกสัญญาณเลยตั้งนิดเดียว แต่ดีตรงที่ว่ามันไม่ฉุดผมขึ้นไปครับ

ด้านบนแดดร้อนมากๆ ร้อนจนถ้าตากนานๆ มีเป็นลม หน้ามืดได้เลยครับ สังเกตว่าแต่ละคน ขึ้นมาคนละทิศไม่ซ้ำกัน แสดงว่าน้ำขุ่นจริงๆ

เลยต้องก้มหน้าว่ายน้ำบ้าง หน้าจะได้ไม่โดนแดด แต่ใครจะไปเชื่อว่าน้ำนิ่งแบบนี้ ด้านล่างกลับขุ่นแต่ก็สนุกดีครับ เป็นประสบการณ์ที่ดี (ใกล้ๆ มีเจี๊ยบ เดียร์ แว๊บ ที่ขึ้นมาครับ)

ขึ้นมาเจอพี่โหน่ง ปรากฎว่า แกขึ้นมาก่อนครับ เพราะลงไปไม่ได้เจอใครเช่นกัน ขึ้นดีกว่า

จากจุดนี้ เดอะทอย 2 มุ่งหน้าไปเกาะมันใน เพื่อพาพวกเราไปดูเต่าทะเลกัน สำหรับเกาะมันในและแหล่งเพาะพันธุ์เต่าทะเล ผมเคยได้ยินมานานแล้ว ใครจะไปคิดว่าจะได้ขึ้นด้วยเหรอเนี่ย(เห็นพี่ป้อมบอกว่า ต้องขอบคุณหนุงหนิงครับ เพราะเธอบอกพี่ป้อมว่าอยากดูเต่า)

ส่วนเกาะมันนอก มีรีสอร์ตสุดหรูตั้งอยู่ เกาะมันกลางก็จะมีที่พักอีกที่ด้วยนะครับ(ถ้าจำไม่ผิดนะ เพื่อนเคยไปพัก)

พวกเรามาถึงเกาะมันใน สะพานปูนซีเมนต์ที่ทอดยาว ทำให้ผมนึกถึงในนิตยสารท่องเที่ยวหรือในโทรทัศน์ที่เคยมาถ่ายทำ บวกกับน้ำใสๆ นิ่งๆ แดดเปรี๊ยงๆ คลาสสิคน่าดูเลย

ผมไม่ลืมที่จะหยิบกล้องถ่ายรูปลงไปด้วย มีวิวสวยๆถ่ายรูปเยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นชายหาดบนเกาะ เรือที่จอดอยู่ ฟ้าสีครามกับน้ำทะเล ต้นมะพร้าวสวยๆ ชิงช้าน่านั่งเล่น เปลญวนน่านอนเล่น เรากำลังจะเดินไปดูแหล่งเพาะพันธุ์เต่าทะเลกัน

ด้านบนเกาะเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตะวันออก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งด้วยครับ

เรามาถึงบ่ออนุบาลเต่าทะเล ใครเห็นก็ต้องหลงรักถึงความน่ารักของน้องเต่าครับ บ่อแรกเป็นเต่าตนุ เต่าชนิดนี้ เราจะเห็นน้อยกว่าเต่ากระ ในทะเลไทย(สังเกตที่ปากครับ ปากแหลมๆ เหมือนนก คือ เต่ากระ)

กระดองก็ค่อนข้างสวย มีเต่าขนาดบิ๊กไซด์ด้วย(อายุแก่กว่าผมแน่นอน) แต่มีคำเตือนว่าอย่าไปสัมผัสพวกเขา เพราะเขาอาจจะติดเชื้อโรคจากมนุษย์ได้(นี่เรื่องจริงครับ ในตัวเรามีเชื้อโรคอยู่ ไม่ใช่ว่าเราจะติดเชื้อโรคจากสัตว์อย่างเดียวซะเมื่อไรล่ะ)

น้องมะนาว ท่าจะอยากเล่นน้ำทะเล เลยให้แม่เก๋ พาอาบน้ำ ส่วนน้องน้ำขิง มีแต่คนอยากรับเป็นแม่ เป็นพ่อเยอะไปหมดครับ(มีลูกน่ารักก็แบบนี้ล่ะนะ พี่เนตร พี่เก๋ 555)

พี่บอยกับน้องเบส ก็ตามติดกัน ดูน่ารักอีกคู่ครับ ใครมีครอบครัวก็คงทราบดี ถึงความผูกพัน ของสายใยนี้

เราเดินทางออกจากเกาะมันใน ผมยืนดู เรือค่อยๆลับออกจากท่าเรือแห่งนี้ ซักวันผมจะกลับมาเยี่ยมน้องเต่าอีกแน่ครับ

แม้คราวนี้จะไม่ได้ดำที่หินเพิง(เขาไปดำกันวันเสาร์ครับ) ไม่ได้เห็นฟองน้ำหูช้างอย่างที่หวังไว้ แต่การได้มาเจอเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทั้งใหม่และเก่า การได้มีโอกาสขึ้นเกาะมันใน เป็นประสบการณ์ดีๆ ที่ผมจะไม่ลืมเลย

ช่วงเย็นเราแวะกินอาหารทะเลสดๆ ที่ร้านโจโจ้ แม้ไฟจะดับ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคครับ เพราะมีพี่นัท 20 นิ้ว พี่ทศ ช่วยฉายไฟให้น้องๆ(ขอบคุณครับพี่)

ทุกคนแยกย้ายกันไปคนละทาง แต่เมื่อเวลาและโอกาสมาถึง คงได้พบและได้ดำน้ำด้วยกันอีก

รถของพี่โหน่ง มีผม เจี๊ยบ พี่เก๋ พี่เนตร น้องมะนาวและน้องน้ำขิง มาถึงกรุงเทพประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง มาส่งครอบครัวตัวกลมที่ย่านนวมินทร์

“หอมพี่เขาหรือยังลูก พี่เขาจะไปแล้วนะ” พี่เนตรและพี่เก๋บอกน้องมะนาว

เริ่มจาก เจี๊ยบ พี่โหน่ง ปิดท้ายด้วยผม ที่ได้รับจุมพิตจากกามเทพตัวน้อยๆ นี้

ตื่นเต้นยังไง ก็ไม่รู้ครับ ก็แค่เด็กหอมแก้มนะ แต่มองในแววตาซื่อๆ ของน้องมะนาว แม้จะไม่ได้พูดอะไรมาก ผมก็รู้ซึ้งถึงความเป็นครอบครัว ความปลื้มใจ ที่ได้ดูแล 1 ชีวิต ที่เกิดมาในโลกใบนี้(คุณพ่อและคุณแม่ของผมก็คงมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน เวลาเลี้ยงลูก)

ถ้าในอนาคต ผมได้สร้างและดูแล 1 ชีวิต แบบนี้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผมจะดูแลพวกเขา พร่ำสอนเขาและเธออย่างดีที่สุดครับ

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องราวของผมนะครับ ท่านผู้อ่าน







Kasab
(Phop Payapvipapong )
31 October 2007
03.48 pm

Thursday, November 01, 2007

เปิดโลกทะเล......ระยอง(1)











ถ้าพูดถึงทะเลระยอง หลายๆท่านคงคุ้นชื่อของ แหลมแม่พิมพ์ , หาดแม่รำพึง, อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หรือแม้แต่เกาะเสม็ด เกาะยอดนิยม(ที่มักจะพูดต่อกันว่า เสร็จทุกราย 5555)

จังหวัดนี้ เป็นอีกจังหวัด(ในหลายๆจังหวัด)ที่ผมอิจฉาครับ เพราะอยู่ใกล้ทะเล การเดินทางก็แสนจะสะดวกสบาย(อยากมีบ้านบนเกาะ ตื่นมาวิ่ง ลงเล่นน้ำทะเลจัง)

ยิ่งเกาะเสม็ด ท่องเที่ยวได้ตลอดปีอยู่แล้ว นึกถึงหาดทรายสีขาวทอดยาว ทรายละเอียดดุดปุยนุ่น น้ำทะเลสีเขียวดุจมรกต ไม่แปลกใจว่าใครๆก็ชื่นชอบที่นี่

ทะเลแถบนี้ ผมเคยมาครั้งเดียว ตอนนั้นไปเกาะเสม็ด(สมัยเรียนอยู่ ปี 2 ) แม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมากไปกว่า การเดินป่า ชมวิวทะเล นั่งกินเบียร์ คุยกับเพื่อน เตะฟุตบอลชายหาด ดูฝรั่งอาบแดด(อันนี้แน่นอน) แต่นี่ก็ทำให้ความทรงจำดีๆเกิดขึ้นครับ

สำหรับจุดดำน้ำที่นี่ มีอยู่หลายจุด แต่จุดที่นักดำน้ำรู้จักกันมาก คือ “หินเพิง” เป็นกองหินใต้น้ำ ที่มีไฮไลท์อยู่ที่ ฟองน้ำหูช้าง ฟองน้ำที่หายากในเมืองไทย แต่กลับมาพบได้ที่นี่ และยังมีสัตว์ทะเลอีกหลายชนิด เช่น ปลาหิน ลูกปลาผีเสื้อแปดขีด กุ้งและปูแปลกๆ ที่ผมไม่คิดว่าจะพบในทะเลระยอง(ดูรูปจากพี่ๆที่ไปเมื่อครั้งก่อน ทึ่งมากครับ สำหรับโลกใต้น้ำที่นี่)

คราวนี้เป็นโอกาสดีครับ พี่ป้อมจัดทริปไปที่นี่อีกครั้ง แม้ผมจะสะดวกไปเพียงวันเดียว แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ได้ไปดีกว่าไม่ได้ไปนะ(ทริปใกล้กรุงเทพฯแบบนี้ หลายครั้งที่ผมมาวันเดียว ดำน้ำ 2 ไดฟ์ 3 ไดฟ์ ก็สนุกดีครับ)

แม้จะเดินทางไกลว่าพัทยา แต่ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรง สำหรับเหล่ามนุษย์กบ ที่รักการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ(ต้องรักษ์ด้วยนะ ธรรมชาติจะได้คงอยู่ครับ)

ผมเลือกที่จะเดินทางในค่ำวันเสาร์ เพราะพี่โหน่ง(ลูกศิษย์อีกคนของพี่ป้อม พึ่งไปสอบ Open water ที่เกาะเต่ามาในทริปเมื่อเดือนสิงหาคม) ก็ต้องเปิดร้านขายของ จะได้ไม่เสียลูกค้า(แกบอกว่า พี่จะโดนลูกค้าด่าอยู่แล้วน้อง เจ้าของร้านปิดร้านไปเที่ยวประจำ 555)

และเช่นเคยครับ ผมจะพาทุกท่านไปสำรวจใต้ทะเลระยองกัน ตามผมมาเลยครับ





27 ตุลาคม 2550

ผมออกไปอ่านหนังสือที่มหาวิทยาลัยตามปกติ เพื่อไปสำรวจใต้กระโปรงของนักศึกษา( เอ้ย ไม่ใช่ครับ ไปอ่านหนังสือกฎหมายต่างหาก) กะว่าจะตัดผมให้สบายๆ เตรียมพร้อมสำหรับการดำน้ำในวันรุ่งขึ้น ที่สำคัญ ผมหยิบหนังสือ ปลาในแนวปะการัง ที่พึ่งซื้อมาในงานสัปดาห์หนังสือมาด้วยเพื่อมาห่อปกใส ที่ร้านหนังสือนายอินทร์(ชอบมากครับ ปลาเยอะจริง ความรู้เพียบ ใครชอบทะเล ห้ามพลาดเลยครับ เปิดผ่านแต่ละหน้า ร้องอู้หู มันยอดมาก 55)

ช่วงเย็น ระหว่างรอพี่โหน่ง ผมได้ดูภาพยนต์เรื่อง Aquamarine ตอนแรกไม่ทราบว่าเกี่ยวกับอะไรครับ แต่พอมีเรื่องนางเงือก หาดทราย ท้องทะเล เท่านั้นแหละ ต้องหยุดทำทุกอย่างเพื่อดูทันที(นางเอกก็น่ารัก หนังทำดีครับ สอนแง่คิดไปด้วย)

ยังไม่ทันจบดี พี่โหน่ง หนุ่มวัยเลข....(ใบ้ว่า เลข 2 หลัก)(แล้วจะบอกทำไมเนี่ย หลักเดียวก็เด็กซิโว้ย) ก็มาถึงที่บ้าน(โหน่งมาแว้ว) มาพร้อมกับ sport rider คันโปรด ผมหยิบซีดีมาด้วย ตามคำขอของพี่โหน่ง เพื่อมาเปิดฟังในรถ(ไม่รู้แกจะรับได้ไหม เพราะหลายแผ่นเป็นเพลงเก่ารุ่นพ่อครับ ผมจำได้ว่าแกชอบเพลงร๊อคนี่นา 555)

เราแวะทานข้าวที่ Rest Area จุดพักรถที่ใหญ่ที่สุด เพียบพร้อมไปด้วยอาหาร ของฝาก เรียกว่า นักเดินทางน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักจุดพักรถแห่งนี้

เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ในตอนนี้ มีการทำถนนเยอะมาก นอกจากเส้นทางที่ขรุขระ ก็ต้องคอยดูป้ายสัญญาณบอกทางเบี่ยง ซึ่งมีมากไม่แพ้กัน ใครเดินทางก็ต้องระวังหน่อยนะครับ

มีช่วงหนึ่งจะต้องขึ้นสะพาน แต่ป้ายบอกทางก็มืด ทำให้เลี้ยวซ้ายผิดทางไป จุดสังเกตคือ จะมีทางเบี่ยงขวากับป้ายบอกทางครับ สังเกตดีๆ(ระวังรถบรรทุกด้วยครับ เยอะเหลือเกิน)

ไม่นานนัก เราเข้าสู่เส้นทางสายหลัก ผ่านป้าย ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดระยอง(เป็นสัญญาณที่ดีว่า ใกล้ถึงที่หมายแล้ว)

เราเข้าเขต อ. เมือง แวะดูแผนที่ในปั้มน้ำมัน ถามทางใครซะหน่อยดีกว่า

“ถนนราษฎร์บำรุง ไปทางไหนครับน้อง” ผมถาม

“ตรงไปเลยค่ะพี่ ถ้าเจอสี่แยกแล้วเลี้ยวขวานะ” เธอตอบ

ง่ายดีครับ เราพักกินน้ำ ก่อนที่จะไปตามทางที่เธอบอก ผ่านแยกแรก แยกที่สอง แต่ไม่มีสี่แยกเลยครับ มีแต่ 3 แยก ตรงเลยมาไกล จนเจอ 4 แยก แต่ป้ายบอกว่า “ทางไปปากน้ำระยอง” เฮ้ย ! ไม่ใช่แล้วมั้ง(น่าจะกลับไปกระโดดวอลเลย์เจ้าเด็กนั่นที่ก้านคอ งามๆ)

เราตัดสินใจกลับรถ โทรถามพี่ป้อม แกบอกว่า ถามเขาว่า มโนราห์(อาบ อบ นวด) ไปทางไหน แล้วค่อยโทรหาพี่อีกที

แบบนี้เข้าทางครับ ถามผู้หญิงคงไม่ดี ผู้ชายน่าจะเชี่ยวชาญกว่า แต่จะรู้จักหรือเปล่าอีกเรื่อง

“มโนราห์ ไปทางไหนครับ” ผมถามชายวัยกลางคน คนหนึ่ง

“อ๋อ ตรงไปเลย จะมีป้ายบอกทางอยู่ ค่อยเลี้ยวซ้าย” เขาตอบอย่างไม่ลังเล(แสดงว่า ที่นี่ดังมากครับ ไม่ก็คุณอาคนนี้เคยไปใช้บริการ 555)

ทางเข้าจะเป็นซอยเล็กๆ มืดๆ มีสาวกลางคืน 2 คนเดินออกมา แต่งตัวแบบนี้น่ากลัวว่าจะตกเป็นข่าวหน้า 1 จริงๆ(ล่อเสือ ล่อตะเข้น่ะครับ)

โรงแรมที่หมายของเรานั้น ชื่อ RM เป็นกิจการในครอบครัวของพี่เปล่ง(หนึ่งในนักดำน้ำ ที่เคยเห็นชื่อใน บอร์ดครับ) อยู่ซอยตรงข้ามกับ มโนราห์ อาบ อบ นวด แค่ผ่านหน้าร้านเท่านั้นแหละครับ เด็กนั่งดริงค์ เต็มหน้าร้านเลย แต่ละคน แต่งตัวยิ่งกว่า 2 สาวเมื่อซักครู่(พี่โหน่งครับ เราแวะมโนราห์ก่อนดีไหม 5555)

เราถึงที่พักตอน 5 ทุ่มตรง เจอพี่ปุ๋ม(หนึ่งในนักดำน้ำในบอร์ดอีกคน แต่เคยเห็นหน้าจากในบอร์ดแล้ว เลยจำเธอได้ครับ) เธอบอกว่า สาวๆขึ้นนอนหมดแล้ว ถ้าจะตามคนอื่นๆให้ไปที่ร้าน Skip Dive(แค่ชื่อร้าน ก็ฮาแล้วครับ ไปถึงอาจมีการ Skip Dive ในวันรุ่งขึ้นได้ 5555)

เราพักอยู่ชั้น 4 ไม่นานนักเจี๊ยบก็เปิดประตูออกมา บอกถึงเวลานัดหมายในวันรุ่งขึ้น(7 โมงเช้า) ผมเข้าไปทักทายพี่ป้อมเล็กน้อยอีกห้องหนึ่ง(ไม่แปลกที่ใครๆก็นอนเร็วครับ ก็พึ่งเสร็จจากการดำน้ำ เหนื่อยมาทั้งวันนี่นา)

ตามพวกพี่ๆคนอื่นไปที่ร้าน Skip Dive ดีกว่าครับ แต่โชคไม่ดีนัก ที่คนอื่นๆ กลับกันหมดแล้ว พี่โหน่งเลยชวนผมไปหาร้านอื่นๆ นั่งดื่มกัน ซึ่งโชคไม่ดีอีกเช่นกันที่ ร้านนั้นเก้าอี้เต็มครับ(คนเที่ยวกลางคืนนี่เยอะจริงวุ้ย )

กลับที่พักดีกว่า เดินออกมาที่ร้านสะดวกซื้อ หาเบียร์ไปนั่งดื่มในห้องกัน ผมเห็นร้านสะดวกซื้อที่นี่แล้วทึ่งครับ สนองรับโครงการ “ยืดอกพกถุง” จริงๆ เพราะถุงยาง วางขาย ยังกับหมากฝรั่งแน่ะ(555 ไม่แปลกใจครับ ก็อาบ อบ นวด มันอยู่ตรงนี้นี่นา)

มาดูทีวีดีกว่าครับ มีหนุ่มกรรชัย มาออกรายการช่อง 3 และอีกช่องมีประกวดนางสาวไทยด้วย(มาช่วยเชียร์เบอร์ 3 ชื่อน้ำผึ้ง หลานพี่เอ๋ ที่มาดำน้ำในทริปนี้ด้วยครับ)

ตอนแรกจำชื่อไม่ได้ ต้องดูหน้าถึงร้องอ๋อ ระหว่างประกวดนึกว่าจะมีเสียงเชียร์จากข้างๆ ห้อง ผลคือ เงียบสนิทครับ(หลับกันหมด)

น่าเสียดายว่า เธอไม่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศครับ(คนที่เป็นลมนั่นแหละ เลยได้รองอันดับ 2 ผมคิดว่า ปีหน้าเธออาจจะมาสู้ใหม่ก็ได้นะครับ)

รีบนอนดีกว่า ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้จะต้องตื่นเช้า เดี๋ยวจะดำน้ำไม่สนุกและอ่อนเพลียครับ





28 ตุลาคม 2550

อากาศกำลังดีครับ เช้านี้ ว่าแต่พี่โหน่งไปไหนเนี่ย หยิบกุญแจไปซะด้วย(ไฟในห้องจะเปิดได้ โดยการเสียบกุญแจไว้ที่ช่องครับ) ผมเลยต้องอาบน้ำในความมืด จะเปิดประตู ก็ไม่ได้ซะด้วย 555

ผมถ่ายรูปบรรยากาศในห้องเล็กน้อย ก่อนรีบลงมาด้านล่าง พบว่า หลายๆคนลงมารอกันแล้ว หลายๆคนเดินทางมาจากบ้านพักและอีกหลายๆคนกำลังทยอยตามลงมาครับ

เริ่มจากพี่ป้อม, พี่เอ, อัน(สาวจากระยอง) ,เจี๊ยบ, เดียร์ ,แว๊บ(หมออีกคนที่มาดำน้ำครับ), พี่นัท 20 นิ้ว, พี่เนตรและพี่เก๋ พาลูกสาวสุดน่ารัก 2 คน อย่างน้องมะนาวและน้องน้ำขิงมาด้วย พี่ปุ๋มและพี่เปล่ง(ที่เคยเห็นแต่ในบอรด์ครับ พึ่งได้เจอตัวจริง) น้องเน(Bitch of hell ชื่อเธอใน มัลติพลายครับ), พี่เอ๋(รายนี้ มีหลานสาวเป็นรองนางสาวไทยอันดับ 2 ครับ) , นายสี่(นี่ก็ได้ยินชื่อในบอร์ดมานานครับ) สามศรีพี่น้อง เจ, พี ,พิชชู่(น้องเล็กของบ้าน วันนี้ตามพี่ๆมาดำน้ำด้วย) พี่ตาม(เคยเจอที่สระครับแต่พึ่งได้มาดำน้ำทริปเดียวกัน), หนุงหนิง(สาวคนนี้ก็เช่นกันครับ เคยเจอที่สระเหมือนกัน)

เมื่อทุกคนพร้อม เราออกเดินทางไปท่าเรือครับ อยู่ในเขต อ. แกลง(มิน่าต้องออกเช้า เพราะท่าเรืออยู่ไกลมากนั่นเอง) ก่อนออกเดินทางผมไม่ลืมที่จะถ่ายบรรยากาศรอบๆ รวมทั้งมโนราห์มาฝากทุกท่านด้วย 555

เราผ่านแหลมแม่พิมพ์ อีกหนึ่งชายหาดที่ทอดยาว ผมคิดในใจ หากในอนาคตได้มาทำงานจังหวัดที่มีอาณาเขตติดทะเลแบบนี้ คงจะมีความสุขไม่น้อย

1 ชั่วโมง เรามาถึงท่าเรือครับ เรือของเราชื่อว่า เดอะ ทอย 2 (คือลำที่ 2 นั่นเอง) ที่นี่ผมได้พบกับพี่จิน พี่หมอนัท(เป็นเพื่อนพี่ชายผม สมัยเรียนที่รังสิตครับ บังเอิญมาดำน้ำเลยได้มารู้จักกัน โลกกลมอีกเช่นกัน 555) พี่ดาวและพี่ทศเจ้าถิ่นระยอง ที่มาต้อนรับ พี่ๆเพื่อนๆ น้องๆโดยเฉพาะ (พี่ดาว ชอบหาคำถามเรื่องสัตว์ทะเลมาถามบ่อยๆครับ ผมก็ชอบครับ ได้ความรู้ดี) น้องเดียวลูกชายของพี่ป้อมที่นั่งรถทัวร์มาเมื่อคืนนี้ พี่บอย(เพื่อนร่วมงานพี่ดาวและพี่ทศ)พาน้องเบสลูกชายมาเที่ยวแบบ Non-Dive และพจน์(เพื่อนของนายสี่)ที่มาดำน้ำกับเราในทริปนี้ด้วย

ผมกับพี่โหน่งเป็น 2 คนที่พึ่งมาในวันนี้ จึงต้องรีบไปหา Gear Bag(กระเป๋าใส่อุปกรณ์ดำน้ำ)เพื่อประกอบอุปกรณ์ก่อน เมื่อประกอบเสร็จ ผมเห็นภาพพี่เนตรและพี่เก๋พาน้องมะนาวมาอาบน้ำ ช่างเป็นภาพที่น่ารักจริงๆครับ(มีพ่อแม่ เป็นนักดำน้ำก็ดีแบบนี้ล่ะ ลูกได้ออกทะเลตั้งแต่เด็กๆเลย)

ระหว่างนี้ผมถ่ายรูปสมาชิกในเรือ ไปเรื่อยๆ ไม่นานนักเรือเดอะทอย 2 ก็มาถึงเกาะทะลุ จุดดำน้ำแรกของพวกเราในวันนี้ อากาศดีมากครับ ฟ้าใส น้ำนิ่งออกสีเขียว ด้านล่างจะใสหรือเปล่า ยังไม่ทราบเลยครับ