Tuesday, November 29, 2005

มาหาบ้านตัวเองกันเถอะ


วันหนึ่งผมเปิดหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ มีหัวข้อแนะนำเว็บไซด์ เจอเว็บ google earth เป็นเว็บในการค้นหา ที่น่าสนใจคือ เว็บจะแสดงแผนที่โลก อย่างละเอียด ให้เราสามารถเข้าไปหาลึกถึงตามเมืองต่างๆ ได้ทั่วโลก

สถานที่สำคัญอย่างหอไอเฟล ที่ฝรั่งเศส เทพีสันติภาพ ที่สหรัฐ หรือแม้กระทั่ง ตามเมืองต่างๆ ที่ไม่สำคัญ สามารถดูได้หมด

ละเอียดมากจนน่าตกใจเพราะถ่ายมาจากดาวเทียม ทั้งนี้เพราะเจ้าของ(ใครซักคนนั่นแหละ) ให้นักเล่นเวบ มาโหลดเล่นได้ฟรี

ถ้าใครเคยติดตามข่าว คงเคยได้ยินที่ วันหนึ่ง ทางทหารของไทยขอร้องให้ เว็บนี้ ช่วยลดความละเอียดลง เพราะอาจมีผลถึงความมั่นคงของประเทศได้ ( ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นพระที่นั่งอนันตสมาคม ที่ออกข่าว)

โดยคนที่อยากเล่นสามารถดาวโหลดได้ฟรี ที่www.thaiware.com เมื่อโหลดเสร็จ อย่าลืมโหลดตัวเสริมของไทยมาใช้ด้วย(อันนี้ก็สำคัญ)

จริงๆ มีเว็บอีกอัน ที่ลงในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แต่ผมลืมครับ ขออภัย หนังสือพิมพ์ก็ขายเจ๊กไปแล้วด้วย

ตัวเสริมของไทย จะเป็นป้ายต่างๆ ที่ผู้จัดทำอุตสาห์ทำไว้ ทำให้คุณหาบ้านตัวเองได้ง่ายขึ้น เช่น อนุเสาวรียไชยสมรภูมิ เมเจอร์รัชโยธิน วัดลาดปลาเค้า เป็นต้น (แค่เห็นก็สนุกแล้ว)

ลองสอบถามเพื่อนผม ที่เล่นกัน บางคนบอกสนุกดี เปิดเล่นทุกวันเลย

ตอนนี้ แม้ผมยังไม่แน่ใจว่า ที่ผมหาอยู่ใช่บ้านตัวเองไหม แต่ก็จะพยายามต่อไป(ใกล้เคียงมากแล้ว)

ในอนาคต ผมอยากจะไปสำรวจตามเกาะต่างๆ ในทะเลไทย คงหน้าสนุกไม่น้อยเลย (เคยเห็นมีคนทำป้าย ปักอ่าวต่างๆที่หมู่เกาะสุรินทร์ เจ๋งมากครับ เซฟไว้เรียบร้อยแล้วเพราะที่นี่ หาแผนที่ไม่ง่ายเท่าเกาะอื่นๆ เช่น เกาะเสม็ด เกาะเต่า เกาะสมุย เกาะพะงัน เป็นต้น)

พอหมดแล้ว ค่อยออกไปดูตามประเทศต่างๆ

ถ้าแอบดูว่า คนในบ้านทำอะไรกัน คงดี(ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของเขา ผิดกฎหมายนา)

Thursday, November 24, 2005

เรื่องของโลกกลมๆ อีกครั้ง


ได้เคยเล่า “เรื่องของโลกกลมๆ” ที่เกิดขึ้นในกลุ่มดำน้ำ ทำให้ผมได้รู้จักกับน้องออม ซึ่งเป็นน้องสาวของพี่หัวหมึกรุ่นพี่ ที่ รร เก่าโดยบังเอิญ

คราวนี้เกิดเรื่องโลกกลมๆ ขึ้นอีกครั้งหากแต่คราวนี้ มิใช่ผมที่เป็นผู้ประสบพบเจอ แต่เป็นอู๋เพื่อนของผม และพี่โก้ อนาคต Divemasterและ ปาปารัซซี่แห่งทริปพัทยาล่าสุด ซึ่งต่างก็มีจุดเกาะเกี่ยวกัน นั่น คือได้รู้จักกับผม นั่นเอง

ย้อนกลับไปในเรื่อง “ตามรอยมนุษย์กบ…ไปพัทยา” ผมเคยเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เรือเทียบท่า ผมได้ลงมาพบกับรุ่นพี่ รร เก่า คือ พี่ราจีฟ รุ่นพี่แห่งบ้านสีฟ้า และอู๋แฟนของพี่ราจีฟ ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆของจ้อย โอวีรุ่นติดกับผมเอง โดยอู๋มารับเพื่อนของเธอสองคน ที่มาสอบดำน้ำ ซึ่งโดยสารมาในเรือลำเดียวกับผม

เมื่อวานนี้ผมได้คุยกับพี่โก้ ซึ่งแกบอกว่า วันนี้มีสาวมาถามถึงผมด้วย ชื่ออู๋

ผมนึกๆ ดู เพื่อนชื่อนี้ ที่เป็นผู้หญิง ถ้าไม่ใช่ที่มหาวิทยาลัย ก็ต้องเป็นเพื่อนที่จุฬาแน่นอน

บวกกับผิวคล้ำ ๆในเกมแฟนพันธุ์แท้ในข้อคุณสมบัติ ผมจึงตอบได้แบบไม่ลังเลว่า เป็นอู๋แฟนพี่ราจีฟ แน่นอน (ถูกต้องนะคร๊าบ!!!!)

ในวันนี้ ผมได้โทรหาเพื่อน สอบถามเบอร์โทรของอู๋ เพราะอยากทราบเรื่องราวทั้งหมด(ชอบสอดรู้สอดเห็น ว่างั้นเถอะ)

เมื่อได้คุยกัน จึงได้ข้อสรุปว่า อู๋เข้ามาทำงานในบริษัท อมาดิอุส ได้เกือบ 4 เดือน ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับพี่โก้(สอดคล้องกับที่พี่โก้ บอกว่า น้องคนนี้พึ่งเข้ามาไม่นาน)

โดยหลังจากวันที่อู๋ไปรับเพื่อนที่ท่าเรือพัทยา ในวันทำงาน อู๋ได้พบพี่โก้ แล้วรู้สึกคุ้นหน้ามากๆ เหมือนพึ่งเจอที่ท่าเรือพัทยาหรือเปล่า

จากวันนั้น อู๋จึงบอกผมว่า ต้องรู้ให้ได้ว่าเคยเจอที่ไหนนะ พี่คนนี้

จนกระทั่งเมื่อวาน พี่โก้ได้มาซ้อมเต้น ในกิจกรรมของบริษัท อู๋จึงเข้ามาทักว่า

“พี่ดำน้ำด้วยใช่ไหม”

“หนูจำพี่ได้ที่ท่าเรือวันนั้น แล้วพี่รู้จักกระสาบด้วยหรือเปล่า”

จึงมาจบตรง ที่ว่า โลกกลมๆ เรื่องนี้ คนที่ผมรู้จัก แตกต่างกัน ทั้งเวลา สถานที่ ความถนัดทางการศึกษาที่จบมา กลับมาทำงานที่เดียวกันได้(กรุงเทพก็ตั้งกว้างใหญ่)

น่าเสียดายว่า อู๋ไม่สามารถเรียนดำน้ำได้ ทั้งๆที่อยากเรียน เพราะเธอมีปัญหาเรื่องหู แค่ขึ้นทางด่วนก็หูอื้อแล้ว เคยแก้วหูอักเสบมาแล้วด้วย เมื่อปรึกษาคุณหมอแล้ว คุณหมอไม่แนะนำให้ดำน้ำ

นี่อาจเป็นสายใยบางๆ(ไม่ใช่ด้ายแดงนา) อีก 1 เส้น ที่พึ่งจะเผยออกมาให้ผมได้เห็นก็ได้

กลม กลม และกลม

Wednesday, November 23, 2005

กำเนิดชุมชนนักดำน้ำแห่งใหม่ www.nivach.com


สัปดาห์ก่อนผมไปขอไรท์รูป ทริปไปพัทยาจากพี่ป้อม ครูสอนดำน้ำของผม โดยเรานัดเจอกันที่ แมคโดนัล เมเจอร์ เอกมัย

ไม่นานนัก(ก็ซักพักล่ะ) ครูป้อมในรูปร่างที่สมส่วน(สมบูรณ์) เดินมาอย่างสบายอารมณ์ พร้อมซีดี 2 แผ่น

“ พี่ไรท์มาให้ 2 แผ่นครับ กว่าจะหาแผ่นเจอนานเหมือนกัน” พี่ป้อมพูด

ผมดีใจมาก นอกจากจะได้รูปแล้ว ยังได้แบบฟรีๆ ไม่ต้องใช้แผ่นของตัวเอง(พี่จะเอาบอกนะ ผมมี ผมมี ฮ่าๆ)

ก่อนจะสนทนาเรื่องอื่นๆ ต่อไป ผมหน้ามืดมาก ไม่ใช่ว่าฝนฟ้าจะตก หรือหลงสาวจนหน้ามืดตามัว แต่หิวข้าวมาก เรียกได้ว่า มีวัวก็คงเขมือบได้ทั้งตัว(แน่เหรอ โม้แล้ว)

ไม่นานนัก แฮมเบอร์เกอร 2 ชิ้น หมูกับเนื้อ แบบถูกๆ ราคา 20 บาทของร้าน อยู่ในท้องผมเรียบร้อย

เมื่อท้องอิ่ม เราจึงสนทนากันต่อ โดยพี่ป้อมจิบกาแฟ ร้อนๆ หนึ่งถ้วย

ผมรู้มาคร่าวๆ ว่า พี่ป้อมกำลัง ทำเว็บ อาจให้ผมช่วยเหลือด้านงานเขียน อาจให้เจี๊ยบ เทพี ผัก ผลไม้(งานลอยกระทง) มาช่วยเหลือด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งผมยินดีช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล

เว็บนี้จะมีประโยชน์อย่างมาก นอกจากจะช่วยประชาสัมพันธ์ว่า มีทริปดำน้ำที่ไหนเมื่อไร(เงินทั้งนั้น) แล้ว ยังเป็นสถานที่พบปะ

สังสรรค์ ของลูกศิษย์ของพี่ป้อม ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นๆทุกวัน

ซักพักใหญ่ พี่ป้อมชวนผมไปดูสระว่ายน้ำที่เอกมัย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเมเจอร์ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ในการเรียนดำน้ำของใครอีกหลายๆคน ที่สำคัญสามารถมา Review ทักษะได้สะดวกมากด้วย(ลงจากรถไฟฟ้า เดินนิดหน่อยก็ถึงแล้ว)

ภายในเป็นสระว่ายน้ำยาวหลายเมตร(มีอัฒจรรย์ด้วยแน่ะ)(เขียนผิดขออภัยครับ) พี่ป้อมเล่าว่าสระนี่แหละที่น้องออมมา Review ทักษะ น้องไมค์ก็เคยมาเหยียบแล้วตอนมาเรียนหลักสูตร Rescue (อ่อ แถวนี้ ก็ถิ่นพี่ยุทธด้วย สำนักงานทนายความที่แกทำอยู่)

ดูๆไปก็ไม่น่าจะมีที่ไหนที่จะเก็บอุปกรณ์ดำน้ำได้เลย และแล้วผมก็ได้รู้จักกับ อม หนุ่มวัย 25 ปี ผู้ดูแลอุปกรณ์ดำน้ำและห้องเรียน ใน สถานที่แห่งนี้ (ก็หลงไหว้อยู่ ก็หน้าตาแก่ซะอย่างงั้น )

ที่ชั้น 3 ภายในยังแบ่งออกได้ อีก 3 ห้อง สะดวกสบาย มีอุปกรณ์การสอนครบครัน นอกจากนี้ยังมีน้ำดื่มใส่ตู้เย็นไว้บริการซึ่งผมได้รู้มาว่า ขึ้นอยู่กับนักเรียนว่ามากน้อยแค่ไหน หากน้อยก็ย้ายกันไปเรียนในห้องเล็กแทน

ที่ชั้นล่างใกล้สระว่ายน้ำ อมได้เปิดห้องให้ดู ภายในมีอุปกรณ์เช่น BCD , Regulator และยังมีเครื่องอัดอากาศพร้อมแท็งค์ ไว้คอยให้บริการอีกด้วย

ในตอนนี้ ผมได้นั่งทบทวนความรู้จากสมองกลวงๆของผม ที่บางอย่างก็ชักจะลืมไปแล้ว เช่น 100 ฟุต มี 30 เมตร , อากาศในแท็งค์ก็เหมือนกับอากาศด้านนอก คือ มีออกซิเจน มี ไนโตรเจน เพียงแต่การอัดในแท๊งค์ ทำให้มันหนาแน่นกว่าเท่านั้น แต่อากาศในแท็งค์ก็คืออากาศธรรมดาๆ ที่เราหายใจกันนั่นแหละ(จบมาได้ยังไงหนอ ข้าพเจ้า)

พี่ป้อมจะใช้สถานที่แห่งนี้ ในการสอนนักเรียน และพบปะลูกศิษย์ โดยการเช่าเป็นคราวๆไป (แกมีความคิดว่า เสาร์ อาทิตย์ อาจเรียกลูกศิษย์มาลงสระ แล้วมากินข้าวกัน ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก)

ในวันนี้ พี่ป้อมได้บอกกับผมว่า เว็บนี้ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว (www.nivach.com )

แม้เว็บนี้เป็นเพียงเว็บดำน้ำธรรมดาๆ เว็บหนึ่ง ซึ่งอาจยังไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก หลายๆอย่างก็ยังไม่เข้าที่ดี

แต่เว็บนี้เป็นอีกหนึ่งหนทางของนักดำน้ำทั้งขาประจำและขาจร ในการรับรู้เรื่องราว ข้อมูลข่าวสารในวงการดำน้ำ

อีกทั้งยังเป็นหน้าต่างสู่โลกกว้าง ที่ทำให้ผมและอีกหลายๆคน ได้รู้จักกับเพื่อน ทั้งเก่าและใหม่


สำหรับผม ไม่มีอะไรที่น่ายินดีไปกว่านี้อีกแล้วครับ

สำหรับคนทำเว็บอย่างพี่ป้อมก็เช่นเดียวกันครับ

Thursday, November 17, 2005

สุขสันต์ วันลอยกระทง




ลอยลอยกระทง ลอยลอยกระทง ลอยกระทงฟิชนิช อิซ ทาม มายเดีย ทูคำ รำวง รำวง ลอยกระทงเดย์ รำวงลอยกระทงเดย์ (เป็นเพลงสมัยประถม ที่อาจารย์มิ่งขวัญ ให้ร้องในชั่วโมงภาษาอังกฤษ ซึ่งผมยังพอจำได้บ้าง หากถึงวันลอยกระทงปีใด ผมมักจะนึกถึงเพลงๆนี้ )

ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับเทศกาลลอยกระทง ประเพณีที่ดีงามของไทยแต่โบราณ

หลายคนเลือกที่จะไปลอยกระทงตามสถานที่ยอดนิยม เช่น สะพานพระราม 8 , เขาดินวนา และภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นต้น

ในขณะที่บางคนหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคน โดยเลือกที่จะใช้เวลาว่างในการชมการถ่ายทอดสด พักผ่อนอยู่กับบ้านมากกว่า (เวลาคนเยอะ แย่งกันทำกิจกรรม น่าเบื่อครับ ผมยังไม่ชอบเลย)

สำหรับผมหากย้อนเวลากลับไป ในสมัยมัธยมก็มักจะลอยกระทงอยู่ในสระน้ำ ภายในโรงเรียน จะมีเพียงบางปีที่ปีนรั๊วออกมา ลอยกระทงข้างนอก

ปีหลังๆ หากไม่มีใครชวนก็มักจะลอยกับครอบครัวที่วัดแถวบ้าน หากมีเพื่อนชวนก็มักจะเฮฮา ปาร์ตี้ไปเรื่อย ตามประสาเด็กหนุ่ม

ปีที่แล้ว มีแนวร่วมแค่สายรก(ปัจจุบันสร้างแนวร่วมอยู่ที่ชิคาโก้) อดีตหัวหน้าพรรคหนุ่มขี้เหงา ที่ปัจจุบันย้ายไปสังกัดพรรคฝ่ายแค้นเป็นที่เรียบร้อย จึงไปลอยกันแค่ 2 คน(เพราะคนอื่นไม่เอาด้วย) เราก็ไปลอยกันที่สะพานพระราม 8 จนผมสัญญากับตัวเองว่า คงไม่ไปอีก เพราะคนเยอะจนแน่นสะพานลอย เดินไปไหนไม่ได้เลย

มาปีนี้ ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าจะไปไหนดี จนกระทั่ง

“ มีคนชวนลอยกระทงหรือยังล่ะ ปีนี้” เจี๊ยบเพื่อนกลุ่มดำน้ำ ชวนผมให้มาเปลี่ยนบรรยากาศที่มหิดล ศาลายา ที่สำคัญมีการเดินขบวนพาเหรดด้วย

ผมจึงตัดสินใจหลีกหนีความจำเจในเมืองหลวง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆบ้าง

วินาทีแรก ที่เข้าไป ผมรู้สึกว่าตัวเองแก่มากทันที เพราะเด็ก ๆ ที่เดินพาเหรด มีแต่นักศึกษาวัยละอ่อนทั้งนั้น ไม่รู้จะมีใครคิดบ้างหรือเปล่าว่า คุณอาคนนี้นี้มาทำอันหยัง?(บางคนจะว่าลุงก็ไม่ถือ ฮ่าๆ)

เจี๊ยบแต่งตัวเป็นราชินี ผักผลไม้ ตามสายงาน ที่ได้ทำ(ตอนแรกนึกว่าล้อเล่น) นอกจากนี้ก็ยังมี มดตัวใหญ่ มดตัวน้อย สั่นก้น เป็นที่น่าเอ็นดูอย่างมาก

ไม่นานนักฝนก็ตก แต่การเดินพาเหรดก็ยังคงดำเนินต่อไป (ขอชมเชยสปริตของทุกๆคน ที่เดินจริงๆ)

ในตอนค่ำ มีการออกร้านขายอาหาร ของเล่น และกระทงที่แสนจะถูก นอกจากนั้นยังมีการละเล่นต่างๆ เช่นสาวน้อยตกน้ำ(คนนั่งเป็นนิสิตสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม แถมยิ้มแย้มมาก ไม่เหมือนที่ผมเคยเห็นที่คนนั่งมักทำหน้าบึ้ง จนคนปารู้สึกสงสาร)มีการเล่น ตระกร้อลอดบ่วง(ลอดห่วง) โดยเป็นนักกีฬาในมหาวิทยาลัย ส่วนของเล่นที่ผมถูกใจเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้น ข้อมือเรือนแสง หลากสี เท่ไม่หยอกเลย

มีงานจัดประกวดกระทงสวยงาม ซึ่งน่าชมเชยมาก ที่แต่ละแห่ง แสดงฝีมือออกมาเต็มที่ จนผมอดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายรูป เก็บไว้หน่อย

นอกจากนี้ บนเวทีก็ยังมีประกวดนางนพมาศ ซึ่งแต่ละคนหน้าตาดีมากครับ มีเสียงกรี๊ด กร๊าด จากกองเชียร์ จนคิดไม่ได้ว่า นี่มางานคอนเสริตหรือเปล่าหนอ

กลับมาบ้าน ผมยังโชคดีได้มาลอยกระทงกับครอบครัวอีกครั้ง (แถวบ้านคนเยอะมาก คุณพ่อ คุณแม่เลยเลือกที่จะออกไปช้าหน่อย)

ขอขอบคุณเจี๊ยบ พี่อร เพชร เจี๊ยบ(อีกคน) กระแต ที่ทำให้ผมมีความสุข

วันลอยกระทงปีนี้ จึงเป็นการลอยกระทงที่แปลกใหม่ สนุกสนาน และคุ้มที่สุดของผมเลย

Sunday, November 13, 2005

เรื่องของ โลกกลมๆ


เคยคิดไหมครับว่า ทำไมคนเราถึงมารู้จักกันได้ ไม่ว่าจะมีบางสิ่งที่เหมือนกันหรือไม่ก็ตาม แล้วยิ่งเมื่อรู้จักกันแล้ว เหตุใด เขาหรือเธอผู้นั้น จะมีสิ่งที่เชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นๆที่เรารู้จักได้ เช่น เพื่อน รุ่นน้อง รุ่นพี่ เป็นต้น

ผมเองก็มีเหตุการณ์เช่นนี้หลายครั้ง อาทิ รู้จักรุ่นพี่แต่ ตามศักดิ์ ผมกลับกลายเป็นอาเขาเฉยเลย รู้จักเพื่อนแต่แล้ว มันก็มาอยู่ใกล้บ้านเราเอง แถมมันมาอยู่ตั้งแต่เราเป็นเด็กซะด้วย เป็นต้น

สมัยเรียนอยู่ที่ รร ประจำ ผมมีพี่เวร 2 คน (ตามประสาเด็กโอวี แห่งบ้านสีฟ้า พี่เวร คือ พี่รับใช้ ส่วนตัวเด็กรับใช้ จะเรียกว่า เด็กเวร ไม่ใช่พี่นิสัยไม่ดีนะครับ แต่เขาเรียกกันมาแบบนั้น ส่วนของคณะอื่นๆ จะเรียกว่าเด็กห้องมากกว่า)

ความสัมพันธ์ของเด็กเวร กับพี่เวร พูดตรงๆ คือ คนใช้และเจ้านายนั่นแหละครับ เด็กจะทำทุกอย่างแล้วแต่พี่จะสั่ง ไม่ว่าจะเป็นซักผ้า ขัดรองเท้า จัดห้อง แม้จะดูโหดร้ายสำหรับเด็ก(ขนาดพ่อแม่ยังไม่เคยใช้ให้ทำ) แต่มองในแง่ดี เด็กสามารถทำอะไรๆเป็นได้ด้วยตนเองที่สำคัญเด็กเวรจะได้รางวัลโดยการได้ข้าวห่อ เช่นข้าวหมูทอด ข้าวผัดร้านมะ ก๋วยเตี๋ยวไก่พี่ตุ้ย เป็นต้น

คนหนึ่ง ชื่อพี่เม่งกี่(ซึ่งเราเคยกล่าวถึงไปแล้ว ตอน ผมชอบสนามบิน) อีกคนที่ผมจะกล่าวถึง ชื่อ พี่หัวหมึก

ผมมีโอกาสได้รับใช้พี่หัวหมึก 3 ปี ขณะที่ผมอยู่ ม1 พี่หัวหมึกอยู่ ม 4

พี่หัวหมึก เป็นพี่เวรที่ใจดี ใช้เด็กเวรอย่างผม แบบมีเหตุผล ไม่ใช้ตลอดเวลาจนเด็กไม่มีเวลาส่วนตัว ถึงเวลาอันสมควร แกก็ใจดี เลี้ยงข้าวผมด้วย

นอกจากนี้ การประพฤติตนที่เป็นแบบอย่าง ไม่ออกนอกลู่นอกทาง พี่หัวหมึกจึงเป็นรุ่นพี่ ที่ผมเคารพ นับถือและสมควรที่จะเป็นแบบอย่าง

ตั้งแต่พี่หัวหมึกจบ ม 6 ผมก็ไม่ได้เจอและไม่ได้ติดต่อพี่อีกเลย ถึงแม้ว่าพี่ชายผม(พี่กระจิบ)จะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน คณะเดียวกัน และสนิทกัน แต่ภาระหน้าที่ การไปศึกษาต่อ ก็ทำให้ห่างกันได้

หลายวันก่อน ผมได้รู้จักน้องออม นักดำน้ำ Open water หมาดๆ โดยรู้จักกันเพราะเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน คือ พี่ป้อมแห่งชุมพรคาบาน่านั่นเอง

ไม่นานนักผมได้รู้ว่า พี่ของน้องออม คือ เด็กโอวีเหมือนกัน แค่นี้ผมก็แปลกใจแล้ว

ข้อมูลต่อไป คือ เขาคนนั้นอยู่คณะผู้บังคับการ(บ้านสีฟ้า)

ข้อมูลต่อจากนั้น คือ อยู่ในช่วงเวลาที่ผมยังศึกษาอยู่ที่นั่นด้วย

ข้อมูลสุดท้าย คือ ชื่อจริง พอผมได้ยินเท่านั้น ผมต่อนามสกุล ได้ทันที ก็พี่เวรผมนี่นา (ขืนจำชื่อพี่ไม่ได้ โดนทำโทษซิ ขยายว่า สมัยนั้น เด็กๆต้องจำชื่อ นามสกุล ตู้ โต๊ะ เตียง พี่ให้ได้ ไม่งั้นอาจซวยได้)

ผมดีใจมาก จึงติดต่อไปหาพี่หัวหมึก ในเร็ววันและคุยกันเป็นเวลานาน จนบางครั้งผมก็คิดว่า โลกมันกลมจริงๆ คนก็มีตั้งเยอะ ทำไม น้องออม ถึงกลายเป็นน้องสาวพี่เวรผมได้ยังไง

เหตุใด ผมถึงได้กลับมาได้คุยกับพี่เวรของผม(พี่หัวหมึก) ที่ห่างกันมานานอีกครั้ง โดยผ่านน้องออม น้องสาวแท้ๆของพี่หัวหมึก

“โลกมันกลมจริงๆว่ะ กระสาบ”แมงซิ่ง หนุ่มอารมณ์ดีแห่งบ้านสีฟ้า เห็นด้วยกับเรื่องนี้

“โลกทำไม โคตรกลมเลยวะ กระสาบ” พี่หัวหมึกก็บอกกับผมด้วยตัวเอง เช่นกัน

“โลกกลม จังนะพี่” น้องออม ก็บอกกับผมด้วย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความบังเอิญ หรือเป็นชะตาที่ลิขิตมา แบบ อ ลักษณ์ ฟันธง แต่ผมรู้สึกดีจริงๆ ที่ได้คุยกับรุ่นพี่ที่ผมเคารพอีกครั้ง

แล้วคนอื่นๆล่ะครับ เคยมีเหตุการณ์ ที่คิดว่า โลกมันกลมบ้างไหม?

Thursday, November 03, 2005

ตามรอยมนุษย์กบ...ไปพัทยา(3)





Dive 9 ผมเห็นปะการังอ่อน!!!

ลงมาปุบ โชคดีปั๊บ ผมทำแผ่นปลาหลุดมือ มองหาก็ไม่เจอ คาดว่าคงจมไปแล้ว พี่โก้ ช่วยลงไปเก็บให้ผม แกบอกอยู่บนพื้นทราย(ความลึก 4 เมตร) ไม่งั้นแย่แน่ครับ คราวนี้ผมเลยกอดไว้ข้างลำตัวให้แน่นกว่าเดิม (นึกว่าแผ่นจะลอย เสียอีก)

เราว่ายไปทางทิศตะวันออก พบดาวทะเล(Star Fish) รูปร่างแสนจะน่ากลัว ( ชนิดนี้ผมไม่ชอบเลย)

มีกระแสน้ำอ่อนๆ ทำให้ต้องใช้แรงในการตีขามากขึ้น(จะเมื่อยมากขึ้นด้วย)

ว่ายต่อไป พี่ป้อมเคาะแท็งเรียกให้ดูสิ่งๆหนึ่ง ผมมาดูทีหลัง ก็ยังไม่รู้ว่าอะไร เพราะเห็นแค่ส่วนหัว ลำตัวอยู่ในทราย ทราบภายหลัง คือ ลูกปลาไหลมอเรย์(Moray eel) จนกระทั่งทรายฟุ้ง ผมจึงเลิกดู แล้วว่ายต่อไป

ที่ความลึกเกือบ 20 เมตร ผมพบปะการังอ่อนครั้งแรกในชีวิต ไปดำ Snockle มาก็ตั้งหลายที่ ทั้งเกาะสุรินทร์ จ พังงา เกาะปอดะ จ กระบี่ เกาะเชือก จ ตรัง เป็นต้น ไม่เคยเห็นปะการังอ่อนมาก่อน ขนาดไป Scuba มาที่ชุมพร ก็ยังไม่เห็นเสียที

ผมสังเกตมัน แม้ไม่ใช่กอที่กว้างมาก แต่มันช่างสวยเหลือเกิน มีสีเหลืองอ่อน ฟ้าอ่อน และน้ำเงินเข้ม โดยเฉพาะกอสุดท้าย พบเจ้าปลาวัวหนาม(Filefish) อยู่ใกล้ๆด้วย

ในที่สุดแผ่นปลาของผม ก็ได้ใช้ประโยชน์ ผมเห็นปลาผีเสื้อปากยาว(Beak Buttlefish) 2 ตัว ว่ายผ่านไป และปลาผีเสื้อแปดขีด (Eight-banded Butterflyfish) อีก 2 ตัว โดยเฉพาะชนิดนี้ ผมดูจนแน่ใจว่าใช่แน่ ถ้าไม่เอาลงมา คงไม่แน่ใจแน่นอน ช่างมีประโยชน์มากจริงๆครับ

นอกนั้นก็เป็นปลากระรอกลายแดง(Redcoat) อีก 1 ฝูง ลอยตัวนิ่งอยู่ (ราว 15 ตัว) และปูอีก 1 ชนิด อยู่บนปะการังก้อน

ก่อนขึ้น มีการรวมตัวกันแปลกๆ นึกว่า มีใครเป็นอะไรไป นอกจากจะทํา เซฟตี้ สตอบ แล้ว นี่กำลังเป็นบททดสอบของไมค์ ในการสอบ Rescue ด้วย

เมื่อขึ้นมา พี่โก้แสดงเป็นผู้ป่วยโดยมีไมค์เป็นผู้ช่วยชีวิต ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ก็เสร็จสมบูรณ์

ขึ้นมาล้างถอดและเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋า มีเพียงแผ่นปลา และ Mask+Snockle เท่านั้น ที่เป็นของใช้ส่วนตัวของผม

ผมเปิดนำอัดลมดื่มอย่างกระหาย ก่อนขึ้นไปคุยกับพลพรรค

เรือรุ่งวรวรรณ 7 พาเรากลับมาสู่ท่าเรือพัทยา ผมพบพี่ราจีฟรุ่นพี่ที่ รร เก่า และอู๋เพื่อนของผม มารอรับเพื่อนที่มาสอบดำน้ำในเรือด้วย(เป็น 2 สาวนิรนาม ที่เห็นในเรือ)

คุณลุงผู้มีกระบะเป็นพาหนะคู่ใจ ใจดีให้เราโดยสารไปลงที่ต้นสะพานด้วย มีเพียงพี่ต่อ ซึ่งโชคร้ายเดินไปก่อน เลยอดโดยสารรถของคุณลุง ก่อนลงก็ไม่ลืมที่ยกมือไหว้ขอบคุณ น้ำใจที่ยอดเยี่ยมของคนพัทยาด้วย

กลับมาอาบน้ำที่โรงแรม ที่นี่ดีมาก เพราะให้สิทธิพิเศษสำหรับนักดำน้ำ สามารถ Check-out ช้าได้ (อาบน้ำได้ แต่อย่าใช้เตียง)

เป็นธรรมเนียมของผม ที่ต้องจด Log Book (หากเทียบกับพี่ๆ ผมดำไม่ค่อยบ่อย จึงอยากจดจำเรื่องราวต่างๆให้มากที่สุด)

ช่วงนี้หิวมาก ได้ขนมคบเคี้ยวจากพี่ฝ้าย ผู้มากไปด้วยของกิน เป็นที่พึ่งของทุกคนได้จริงๆ

เรานั่งรถไปกินข้าว ที่ร้าน “ไก่หุบบอน” ไปรอพี่โก้ พี่หนึ่งและแฟน ที่ไปกับเรืออีกลำ

อาหารที่นี่อร่อยมาก พอพี่โก้ พี่หนึ่งกับแฟน และ พี่ตุ๋น(พี่คนเรือ) มาถึง เล่าถึงความใสของน้ำทะเลที่เกาะริ้น ในวันนี้ ว่าเปรียบได้กับน้องๆ ของสิมิลัน พบทากเปลือย (Nudibranch)พบฉลามครีบดำ(Slivertip Shark) พบฉลามขี้เซา(Nurse Shark) และพบกระเบนนก(Eagle Ray) เราก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ อยากเห็นบ้าง แม้จะไม่มีภาพมายืนยัน แต่สำหรับนักดำน้ำ การมาเกทับว่า ได้เจออะไรมาบ้าง เป็นความสุขอย่างหนึ่ง

เป็นอันจบทริปแสนสุข ของผมอีกหนึ่งครั้ง แน่นอนว่า มันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของผมอย่างแน่นอนเพราะผมเป็นมนุษย์ย่อมมีกิเลสเป็นของธรรมดา

แต่กิเลสของผม กลับอยู่ภายใต้ หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสำนึกของนักอนุรักษ์ท้องทะเล ผมเชื่อว่านักดำน้ำส่วนใหญ่ มีจิตใจดี และไม่อยากให้เพื่อนๆใต้ทะเล ถูกทำร้าย จะมีเพียงส่วนน้อย เท่านั้น ที่ชอบทำร้ายทะเล

นอกจากเพื่อนๆใต้ทะเล ที่ยินดีต้อนรับผมทุกครั้ง เมื่อผมไปเยือนแล้ว ในอีกด้านหนึ่ง เพื่อนบนบกผู้มีใจรักในสิ่งเดียวกัน สังคมนี้กลับค่อยๆเปิดกว้าง ทีละน้อยๆ โดยที่ผมอาจไม่ต้องเสียเงินไปหาถึงใต้ทะเลก็ได้


Kasab
(Phop Payapvipapong)
31 october 2005
23:20 น

Wednesday, November 02, 2005

ตามรอยมนุษย์กบ...ไปพัทยา(2)




30 ตุลาคม 2548

รวมพล 7 โมงครึ่ง พี่ป๋อม สาวคนเดียวที่ไม่ดำน้ำในวันนี้ ขับรถไปส่งที่ ร้านต้มเลือดหมู(จำชื่อร้านไม่ได้ครับ แต่จำได้ดีว่าเคยมากินกับเพื่อนๆแล้ว มีชื่อเสียงมาก คนตรึมทุกเช้า)

นอกจากพวกผม ที่ร้านยังมีนักดำน้ำอีกกลุ่มหนึ่งด้วย แสดงให้เห็นว่า ในวันเสาร์-อาทิตย์ ทะเลพัทยา ไม่เคยเหงาจากมนุษย์กบที่มาเยี่ยมเยียน ธุรกิจการดำน้ำกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนหันมาเรียนดำน้ำกันมากขึ้น

รถของพี่ฝ้าย โดยพี่โก้(Divemaster ในอนาคต) เป็นคนขับ พาผม พี่พิช พี่ป้อม พี่ต่อ และเจี๊ยบ มาถึงท่าเรือพัทยา(Pattaya Port) สถานที่ประจำในการลงเรือของนักดำน้ำ Scuba

ส่วนพี่หนึ่งกับแฟน และพี่โก้ (Instructor) ไปคนละลำกับเราโดยนำนักเรียนอีก 1 ชุด ไปสอบที่เกาะริ้น

เรือ รุ่งวรวรรณ 7 เคลื่อนตัวออกจากท่าเรือพัทยาไปสู่เกาะสาก สถานที่ดำน้ำในวันนี้ ถึงแม้ว่า เกาะสากผมจะมาดำแล้ว เมื่อครั้งก่อนแต่สำหรับใต้ทะเล ไม่มีจุดดำน้ำที่ไหน น่าเบื่อสำหรับผม เพราะผมชอบศึกษาสัตว์ทะเล การพบกันทุกครั้งจึงเหมือนการพบเพื่อนอีกโลกหนึ่ง ที่นี่ ผมได้เจอไมค์กับเพื่อนสาว มารอบนเรืออยู่ก่อนแล้ว

เป็นข่าวดีสำหรับผมที่ไม่ต้องใส่เสื้อยืดลงน้ำ เพราะมี Wet Suit สำรอง เมื่อลองสวมดู แม้จะฟิตบ้างแต่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้

เมื่อได้อุปกรณ์เรียบร้อย ผมประกอบแท็งค์อย่างคุ้นเคยมากขึ้น นำ BCD ประกอบเข้าที่แท๊งค์เปิด โอ-ริง หมุนวาวล์ออก นำ Regulator มาสวมกับวาวล์แทงค์แล้วหมุนล็อค โดยปลายสายมา เสียบกับ Inflator เปิดอากาศเช็คดู(บิดมอเตอร์ไซด์แล้วหมุนกลับครึ่งรอบ) เป็นอันเรียบร้อย ก่อนขึ้นไปคุยกับพี่ๆ ชั้นบน

พี่ป้อมแนะนำให้รู้จักพี่เอื้อย ที่มาทบทวนการดำน้ำหลังจากไม่ได้ดำมาหลายปี

นอกจากนั้นก็ยังมีพี่จุ๊ยกับแฟน มา Fun Dive ด้วย

เรือ รุ่งวรวรรณ 7 พาเรามาถึงเกาะสากบริเวณทิศเหนือ สถานที่ดำน้ำของเราในวันนี้ สำหรับนักดำน้ำ มีความทรมานเล็กๆ ในการดำน้ำอยู่ 2 แบบ คือ ดื่มน้ำมากไปก็จะปวดฉี่(ไม่ไหวก็ปล่อยไปเถอะ แต่ครั้งแรกจะลำบากนิดนึง เหมือนเด็กฝึกหัด) หากดื่มน้อยไปก็จะคอแห้ง กระหายน้ำมาก (หากอยากจะกินน้ำทะเลก็ตามใจ แต่อย่าลืมกลับมาคาบ Regulator ด้วยนา) ทางที่ดีไม่ควรมากเกินไปและน้อยเกินไป จึงจะไม่เข้า 2 กรณีดังกล่าว

หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ก็ Clean Mask ด้วยแชมพู หรือน้ำลายก็ได้ จะได้ไม่เป็นฝ้า เห็นเพื่อนใหม่ใต้ทะเลอย่างชัดเจน แบกแท็งค์ สวมฟิน กระโดดด้วยท่า Giant Stride (ผมไม่ลืม แผ่นปลาแน่นอน ขอลองของใหม่หน่อยนะ)


Dive 8 รวมก๊วนสัตว์หน้าตาประหลาด

ที่นี่ มีพื้นทรายเป็นส่วนใหญ่ แต่ผมคิดว่า ผมจะต้องเจออะไรแปลกๆแน่ๆ ในไดฟ์นี้ เราว่ายกันมาทางด้านตะวันตก

และแล้วผมก็พบเพื่อนใหม่ หน้าเก่าอย่างปลาวัวหนาม Fan-bellied leatherjacket(Filefish) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Monacanthus chinensis ซึ่งผมเจอที่เกาะล้าน บริเวณใต้สะพาน เมื่อ 3 เดือนก่อน มาคราวนี้ได้เห็นเขาแบบนานๆ แม้ลักษณะจะมีเขา หางพัด สีไม่สวย ไม่ถูกใจนักดำน้ำบางคน แต่สำหรับผม เขาคือของแปลกที่นี่ ซึ่งหาดูไม่ง่ายในจุดดำน้ำอื่น ในเมืองไทย เพราะเขาจะลอยตัวอยู่นิ่งๆ ในไดฟ์นี้ผมมีโอกาสได้เจอพวกเขาอีก 2 ตัว(รวมเป็น 3 ) โดยเฉพาะตัวสุดท้าย อยู่ใกล้ปะการังเล็กๆกอหนึ่ง ผมเฝ้าดูเขา บนพื้นทราย ในระยะประชิด เห็นลักษณะที่น่ารักของปลาวัวหนามอย่างชัดเจน

ปลาประหลาดตัวต่อมา อยู่บนพื้นทราย คือ ซีมอส มีชื่อแบบไทยๆว่าปลาผีเสื้อกลางคืน อยู่ในสกุล Pegasus(คนละตัวกับปลาผีเสื้อกลางคืนในอันดามันนะครับ ตัวนั้นจะชื่อ Short Dragonfish อยู่ในสกุล Pegasidae) ปากมีลักษณะคล้ายปลาจิ้มฟันจระเข้(มีลักษณะยาวเป็นท่อ) ลำตัวไม่เกิน 7 ซม มีปีก 2 ข้าง กางออกเหมือนผีเสื้อ ส่วนหางตรง

ผมเห็นกองทัพเม่นทะเล Sea Urchin กำลังเคลื่อนตัวมาข้างหน้า เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพวกเขาเดินอย่างชัดเจน ทุกๆครั้งจะเห็นอยู่นิ่งๆมากกว่า

ภายในวงล้อมของเหล่าเม่นทะเลนั้นเอง ผมได้พบปลาหน้าตาประหลาดอีกตัวหนึ่ง กลมกลืนกับพื้นทรายคล้ายปลาหิน เห็นได้ชัดว่า พวกเขาใช้ครีบเดินมาข้างหน้า ชื่อของเขา คือ Indian Walkman(ภายจากทะเลไทยดอดคอมครับ) ผมดีใจที่ได้เห็นเขาเป็นครั้งแรก หลังจากได้ยินชื่อและเห็นภาพมานาน(ไม่รู้ว่าพัทยาก็มี แต่ก็พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก)

จากนั้นก็เห็น Horse Pipefish เป็นปลาจิ้มฟันจระเข้ชนิดหนึ่ง ดูจากรูปร่างที่ยาวและเพรียวของเขา ก็เดาได้ว่า ต้องรวดเร็วแน่นอน

ตาโตๆ ชอบลอยตัวนิ่งๆ อยู่เป็นฝูงเป็นเอกลักษณ์ของ ปลากระรอกลายแดง(Redcoat) ผมมักจะพบพวกเขาเกือบทุกไดฟ์ ในการมาพัทยา

ปลาแพะ(Goatfish) ใช้หนวดที่ยื่นออกมา 2 เส้น เคลื่อนไปตามพื้นทราย เหมือนมันกำลังค้นหาอะไรอยู่ แต่หนวดสีเหลืองของมันบวกกับหน้าตา ทำให้ผมนึกถึงแพะจริงๆ ขึ้นมาทันที

ตัววัดอากาศของผม มีอากาศรั่วออกมา พี่พิชก็มาจับดูหลายทีอยู่เหมือนกัน(คงไม่เป็นไรมั้ง)

เจ้าเก่าของผม ว่ายผ่านไปอีก 1 ตัว พวกเขา คือปักเป้าหนามทุเรียน(Porcupinefish) พึ่งเห็นภาพในทีวี ที่นักดำน้ำแกล้งให้มันพองตัวแล้วโชว์นักนักท่องเที่ยวในเรือดำน้ำ(เก่งจริงอย่าใส่ถุงมือซิ พวกแกล้งสัตว์)

พบปลิงทะเล (Sea Cucumber) 2 ชนิด ชนิดหนึ่ง อ้วนและขนาดใหญ่มากๆ ช่างน่าเกรงขามเสียจริงๆ อีกตัวหนึ่ง มีปุ่มออกมารอบๆลำตัว

นอกจากนั้น ผมยังพบ ปลาสลิดหิน(Damsel fish) ฟองน้ำครก(Neptune ‘ s cup sponge) และ ดาวทะเล(Star Fish)

ก่อนขึ้นจากน้ำ ผมเริ่มไม่มีความสุข เพราะท้องแข็ง (ไม่ใช่หัวเราะ) แต่ปวดฉี่มากๆ ยิ่งกระแสน้ำเย็นลงๆ ผมยิ่งทรมาน โชคดี เมื่อ 3 เดือนก่อน ผมได้ฝึกฉี่มากแล้ว(ฉี่ภายใต้ Wet Suit บางครั้งมันยากนะครับ ไม่เชื่อลองถามเจี๊ยบดูได้) จึงรู้สึกสบายขึ้น (อ่อ ขึ้นมาอย่าลืมทำความสะอาดชุดด้วยนะครับ สงสารคนใช้ต่อ ฮ่าๆๆๆ)

เราขึ้นไกลจากเรือมาก จึงต้องตีขากลับเรือนานพอสมควร

ในไดฟ์นี้ แม้ผมจะไม่เจอปลาในแผ่นที่เอาลงไป แต่ผมหวังว่า ไดฟ์หน้าจะได้เห็นอย่างแน่นอน

ก่อนกินข้าวก็เปลี่ยนถังอากาศสำหรับไดฟ์ต่อไปให้เรียบร้อย

อาหารเติมพลัง มีไก่ทอดกระเทียม แกงเผ็ดหน่อไม้ ของหวานก็ยังมีแก้วมังกร(ที่มีเมลส่งมาบอกว่า มีสารก่อมะเร็ง) ไม่สนล่ะ ขอกินก่อน อ่อ มีปีโป้ด้วย เป็นขนมครับ(ไม่ใช่ภาษาวัยรุ่น)

ผมไม่กล้ากินเยอะมาก เพราะเคยมีประสบการณ์คลื่นไส้เกือบอ๊วกเพราะกินมากเกินไป แม้คราวนี้จะมีเวลาพักเป็นชั่วโมงก็ตาม

ช่วงนี้ พี่ป้อมลงทบทวนทักษะให้กับพี่เอื้อย สั่งไว้ว่า ถ้าขึ้นมา พวกเราก็เตรียมตัวลงได้เลย

พี่พิช กระโดดลงน้ำจากชั้นสองของเรือ ทำให้ผมนึกถึงเด็กฝรั่งลูกของ Eva ที่กระโดดมาจากชั้นสอง เช่นเดียวกัน (ตอนไปเกาะช้างครับ)

เมื่อพี่ป้อมขึ้นมา พร้อมเสียงเรียก เป็นสัญญาณให้เราลงไปเปลี่ยนชุด

ก่อนลงไดฟ์นี้ เมื่อเปิดอากาศมีเสียงรั่วออกมาจากที่เดิม พี่คนหนึ่งจึงช่วยเปลี่ยน Regulator อันใหม่ให้กับผม คราวนี้ มีหน้าปัดสีเหลือง รูปร่างออกโบราณนิดนึง

Tuesday, November 01, 2005

ตามรอยมนุษย์กบ...ไปพัทยา(1)


“พี่ไปพัทยาหรือเปล่าครับ วันอาทิตย์นี้” เสียงของไมค์ หนุ่มน้อยวัย20 ปี ผู้มีประสบการณ์ดำน้ำมาแล้วกว่า 30 ไดฟ์ ถามผม ในค่ำวันศุกร์

“ เฮ้ย จริงดิ พี่ไม่เห็นรู้เรื่อง” ผมตอบด้วยความประหลาดใจแต่ในใจอยากไปใจจะขาดเนื่องจากพัทยาเป็นทริปง่ายๆ สั้นๆ ประหยัด มีของแปลกๆให้ดูเยอะ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการตัดสินใจมากนัก

ดังนั้นจึงไม่รอช้า รีบโทรศัพท์ไปถามพี่ป้อม Instructor ของผม สอบถามรายละเอียดและยืนยัน บอกขนาดของตีนกบ(Fin) ซึ่งได้ความว่า ทริปนี้ ไปดำกัน 2 วัน เสาร์-อาทิตย์ มีพี่พิชและพี่ต่อไปด้วย(3 เดือนก่อน ผมก็พัทยากับพี่ๆเช่นกัน) ส่วนไมค์ไปสอบ Rescue เพียงคนเดียว(เป็นหลักสูตรต่อจาก Advance)

ผมตัดสินใจไปดำเพียง 1 วัน เนื่องจากเงินที่มีจำกัด โดยหมดไปกับการใช้จ่ายในการตะลุยเกาะหมาก เมื่ออาทิตย์ก่อน

แม้เป็นเพียง 1 วัน แต่นั่นก็ทำให้ต่อมกระหายไนโตรเจน การสูดอากาศผ่าน Regulator การได้พบเพื่อนใหม่ทั้งบนบกและใต้ทะเล หรือเส้นเลือดฝอย(ชั่ว)ในจมูก ที่อยากจะออกมาของผม เริ่มทำงานอีกครั้ง


29 ตุลาคม 2548

เป็นโอกาสดี ในการประหยัดค่ารถทัวร์ เมื่อคุณพ่อและคุณแม่ จะไปพัทยาเพื่อนำสายชาร์ตโทรศัพท์ไปให้พี่ชาย ผมจึงถือโอกาสไปลงโรงแรม Gulf Siam บริเวณพัทยาเหนือ เช่นเดิม (ถือโอกาสนำแผ่นความรู้ปลาทะเล ที่สามารถเอาลงไปใต้น้ำ ซึ่งได้ฟรีมาจากการจองหนังสือ Sea Thai Sea ติดไปใช้ด้วย)

ไม่นานพี่ป้อมโทรมาบอกว่า Wet Suit อาจไม่พอ เพราะฉะนั้น ผมอาจจะต้องลงชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ซึ่งผมกังวลอย่างเดียว คือ ความเย็นของน้ำทะเลที่อาจจะทำให้ผม ไม่สนุกสนานเท่าที่ควร

หลังจากพักผ่อนรอบๆพัทยา สี่โมงกว่าผมมาถึงที่โรงแรม Gulf Siam โดยมีคุณลุงยามชุดขาว มาดเนี๊ยบ อีกทั้งบรรยากาศเดิมๆ คอยต้อนรับผมอยู่

“อ้าว สวัสดีครับ มานานแล้วเหรอ” เสียงพี่ป้อมทักทายผมหลังกลับจากการดำน้ำไม่นาน

“ซัก 15 นาที ครับพี่” ผมตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม”

นอกจากนี้ยังได้เจอพี่พิช และพี่ต่อ รุ่นพี่ในการดำน้ำ แม้จะเรียน Open Water ช้ากว่าผม แต่ในปัจจุบันจำนวนไดฟ์ได้แซงผม ไปเรียบร้อยแล้ว (2 ปัจจัย คือ เงินบวกเวลาครับ ต้องไปด้วยกัน)

“ เช็คอินได้เลยครับ น้อง วันนี้นอนกับไมค์นะ พี่ป้อมพูด”

ผมกรอกรายละเอียดส่วนตัวเล็กน้อย ก่อนเข้าห้องพัก อันดับแรกทีทำ คือ เปิดทีวี ค้นหาช่อง ESPN โดยมีความหวังว่า จะได้ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่จะเตะในคืนนี้

“แห้วครับ พี่น้อง” ไม่ใช่เสียงของพี่อู๊ด ในละคร เป็นต่อ แต่เป็นเสียงของผมที่บ่นคนเดียวในใจ

แต่เคเบิ้ลท้องถิ่นของพัทยา แม้ไม่มีช่อง ESPN แต่ก็มิได้เลวร้ายอย่างที่คิด มีช่องภาพยนต์ที่ฉายแต่หนังใหม่ๆ ตลอดเวลา มีช่อง ดิสนีย์ ที่ฉายมิสเตอร์ บีน มีช่องที่เปิดเพลงตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น(น่าจะมาที่กรุงเทพบ้าง)

ผมนั่งดูหนังพระเจ้าตาก และดูหนังซีจี ไฟนอล แฟนตาซี อย่างเพลิดเพลิน(ทราบภายหลังว่า เป็นภาคต่อจากในเกมไฟนอล แฟนตาซี ภาค 7 คอเกมต้องรู้จักดีครับ)

อาหารเย็น เราเดินไปกินที่ร้าน “เจ๊จุก” ร้านอาหารทะเลซึ่งอยู่ใกล้ๆ ที่นี่ ผมได้รู้จักสมาชิกใหม่ ในทริปนี้มากขึ้น

ผมได้รู้จักสองหนุ่มรุ่นพี่ นามว่าโก้(ชื่อเดียวกัน) คนแรกเป็น Instructor เหมือนพี่ป้อม อีกคนหนึ่งกำลังจะได้เป็น Divemaster ในอีกไม่ช้า

ต่อมาเป็นพี่หนึ่งและแฟน สำหรับพี่หนึ่ง ผมจำได้ว่า แกคืนคนที่ทักทายผม ที่สระว่ายน้ำย่านอ่อนนุชในวันนั้น ว่าตีขาดีขึ้น(นึกว่าผมโดนซ่อม ให้ตีขาแบบโดดเดี่ยว ซึ่งวันนั้น ผมมา Review ทักษะ) อีกทั้งยังมาอ่านและคอมเมนเรื่องราวของผม ที่โพสลงในเว็บทะเลไทยดอดคอมด้วย

ถัดมาอีก คือ พี่ฝ้าย พี่ป๋อม และเจี๊ยบ สามสาวที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของผม โดนเฉพาะเจี๊ยบ ผมพึ่งทราบภายหลังในวันรุ่งขึ้นว่า เธออายุห่างกว่าผมเพียง 1 ปี (ก็หลงเรียกพี่ อยู่ตั้งนาน )

อาหารในวันนี้ คนที่ดูกินไม่อร่อย คือ พี่พิช เพราะพึ่งทำกุญแจรถหายไป โชคดีที่อีกไม่กี่ชั่วโมง เพื่อนที่แสนดีจะขับรถมาจากกรุงเทพเพื่อนำกุญแจสำรองมาให้ (เป็นเพื่อนที่พึ่งได้ในยามยากจริงๆครับ)

เรากลับไปช่วยหากุญแจรถของพี่พิชอีกแรง เมื่อเห็นทีว่าจะหาไม่เจอ จึงต้องฉลองกันหน่อย(ยัง!) เดินไป Lotus ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ซื้อเบียร์มานั่งดื่มกัน รอเพื่อนพี่พิชนำกุญแจรถมาให้

กลับมาที่ล๊อบบี้ พี่ๆ คุยกันว่า วันนี้ที่หาดตาแหวน(มิใช่บริเวณใต้สะพาน) พบม้าน้ำด้วย ทำเอาผมอิจฉาตาร้อนมาก พร้อมทั้งคิดในใจว่า ในวันพรุ่งนี้ ผมจะได้เจออะไรมั่ง ?

เนื่องจากไมค์ไปนอนอีกที่หนึ่ง พี่ต่อจึงขนสัมภาระ มานอนกับผมด้วย ซึ่งแกกำลังตกอยู่ในห้วงเสน่หา รัก มือถือมากเป็นพิเศษ(ขอนินทาหน่อยนะพี่ ฮ่าๆๆ)